Bittorrent คืออะไร หมายถึงอะไรมาดูกัน

thumbnail default

Bittorrent


เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินกับคำว่า โหลดบิต หรือ โหลด Bittorrent  จากเพื่อนๆหรือเว็บไซต์ต่างๆมาบ้าง หลายคนที่ดาวน์โหลดเป็นประจำคงจะพอเข้าใจ แต่ก็มีหลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Bittorrent มันคืออะไร วันนี้เราจะมาเพิ่มเติมความรู้เล็กๆน้อยเกียวกับ บิททอเร้น กันดีกว่า

P2P (Peer to Peer) คืออะไร

ในตอนนี้หลายๆคนคงได้ยินคำว่า “Bit”,”Torrent”,”P2P” ฯลฯ จากที่อื่นๆ และก็คงสงสัยว่า
ไอเจ้าพวกนี้มันคืออะไรทำงานอย่างไร และมันวิเศษวิโสอย่างไร ทำไมถึงมีการพูดถึงกันนักหนา
วันนี้เราจึงจะมาทำความรู้จักมันกันครับแต่ที่สำคัญก่อนอื่นเลยเราต้องมารู้จักกับคำว่า “P2P” กันก่อนครับ
P2P หรือเต็มๆ Peer to Peer อาจจะมีคำอื่นอีกเช่น People to People ,Point to Point ซึ่งมีความหายคล้ายคลึงกัน
Peer to Peer คือ …
– ระบบที่อนุญาติให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันหรือใช้ทรัพยากรร่วมกันผ่านระบบเครือข่าย
– ระบบการสื่อสารจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งโดยตรง
– ฯลฯ
แต่เดิมนั้นเมื่อเราต้องการดาวน์โหลดไฟล์จากแม่ข่ายโดยใช้ FTP*,HTTP** นั้น
หากมีคนที่ต้องการไฟล์เดียวกับเรา 500 คนมาดาวน์โหลดบนแม่ข่ายเดียวกันพร้อมๆ กันโดยแต่ละคนมี Bandwidth คนละ 256kbps
ถ้าจะให้ทุกคนนั้นได้ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดตัวแม่ข่ายจะต้องมี Bandwidth เท่ากับ 256kbps * 500 (125mbit) เลยทีเดียว

central

ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่จะเปลือง Bandwidth เท่านั้น แต่ยังจะต้องใช้แม่ข่ายที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงเพื่อรองรับความต้อง การที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
จากปัญหาดังกล่าวนี้เองทำให้โปรแกรมแชร์ไฟล์ P2P ถูกพัฒนาขึ้นมารองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นโดยใช้ทรัพยากรของแม่ข่ายให้ น้อยลงนั้นเอง
ระบบ P2P นั้นถูกพัฒนาเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันโดยที่ไม่พึ่งแม่ข่ายใน การแจกจ่ายไฟล์และทำให้สามารถหาไฟล์ที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
*FTP = File Transfer Protocal
**HTTP = Hypertext Transfer Protocal

จากความหมายนี้เองทำให้เราเรียกโปรแกรมที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างกันโดยไม่ได้ร้องขอไฟล์จากแม่ข่ายว่า “P2P File Sharing”
โปรแกรมประเภทนี้มีอยู่มากมายหลายตัวด้วยกัน เช่น Emule, Kazaa, Edonkey ฯลฯ หลักการทำงานคร่าวๆของโปรแกรมก็คือ
1.เชื่อมต่อไปยังแม่ข่ายเพื่อยืนยันตัวตนและส่งสารบัญไฟล์ที่เราแชร์ไว้ไปด้วย
2.หากเราต้องการหาไฟล์สักไฟล์หนึ่งเมื่อเราระบุ Keyword** โปรแกรมจะส่งคำร้องไปยังแม่ข่าย
จากนั้นแม่ข่ายจะส่งรายชื่อไฟล์พร้อมข้อมูลตัวตนของคนที่มีไฟล์ที่ตรงกับ Keyword ที่เราระบุกลับมา
3.เมื่อเราพบไฟล์ที่ต้องการแล้วตัวโปรแกรมจะใช้ข้อมูลที่ได้จากแม่ข่ายติดต่อไปยังคนนั้นๆโดยตรงเพื่อร้องขอไฟล์
จากการทำงานจะเห็นได้ว่าตัวแม่ข่ายนั้นไม่ได้เป็นคนเก็บไฟล์จริงๆไว้เพียงแต่เก็บเป็นสารบัญไว้เท่านั้น
**Keyword = คำหรือประโยคหรือที่ระบุเพื่ออ้างอิงในระบบการค้นหา

BitTorrent

หลังจากที่ได้พูดถึงเรื่อง P2P ทั่วไปแล้วตอนแรก อ่านมาถึงตรงนี้คงจะเริ่มเข้าใจหลักการทำงานคร่าวๆของ P2P
ไม่มากก็น้อยกันแล้วนะครับ แต่ก็อย่างที่ทุกคนเข้าใจกันดี “ไม่มีอะไรที่จะสมบูรณ์ไปมันทุกอย่าง” หรือเรียกว่า “Perfect” ทุกๆ อย่างต้องมีจุดอ่อน
ถึงแม้ว่า P2P ที่ว่า จะแก้ปัญหาจุดอ่อนเรื่อง Bandwidth และทรัพยาการเครื่องแม่ข่ายที่สูงได้ แต่ถึงกระนั้นความเร็วที่ได้ก็ไม่ค่อยจะดีเอาเสียเลย
เนื่องจากความเร็วที่ได้นั้น จะได้จากจากเชื่อมต่อผู้ใช้ด้วยกันเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วความเร็ว Internet ในการรับส่ง ของผู้ใช้ตามบ้านนั้นไม่ได้เร็วเหมือนเครื่อง
ที่ใช้เป็นแม่ข่ายโดยซึ่งเฉพาะที่จะตั่งอยู่ใน ISP ซึ่ง Bandwidth อย่างต่ำๆ นั้นเป็น 100Mbit และผู้ใช้เอง ส่วนมากนั้นก็จะเห็นแก่ตัว
คือไม่ปล่อยให้ตัวโปรแกรมส่งแบบเต็มๆ Bandwidth ที่มีจะกั้กเอาไว้ (มีน้อยแล้วยังจะกั้กอีก) ส่วน Bandwidth ดาวน์โหลดนั้นดันเปิดไว้เต็มๆ เอากับเขาสิ…
ทำให้โปรแกรมประเภท P2P ที่กล่าวมานั้นความเร็วที่ได้จะขึ้นอยู่กับว่าคนที่มีไฟล์ที่เรากำลังโหลด อยู่นั้นมีความเร็วในการส่งข้อมูลให้เรามากแค่ไหน (กั้กอีกแค่ไหน)
รวมถึงมีคนที่มีไฟล์เดียวกับเรานั้นมีมากแค่ไหน ซึ่งจะเห็นได้ว่าความเร็วที่ได้นั้นมีเงื่อนใขหลายอย่างประกอบกันมากพอสมควร

ถึงตรงนี้ Bittorrent ก็กำเนิดขึ้นมาซึ่งมีการทำงานแตกต่างจาก P2P ทั่วไปอยู่เล็กน้อยแต่ก็ทำให้ความเร็วที่ได้นั้น
นำหน้า P2P ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียวและมีความถูกต้องของข้อมูลสูงรวมถึงทำให้ทุกคนรู้จักถึงคำว่า “แบ่งปัน” หรือ “give and take” นั้นเอง
เราคงจะข้ามความเป็นมาของ Protocal* Bittorrent เนื่องจากมีสาเหตุเดียวกันกับ P2P ทั่วไปแต่คงจะขาดชื่อของผู้คิดระบบนี้ไปไม่ได้
ชื่อของเขาก็คือ “Bram Cohen”

คงจะพอทราบกันแล้วใช้ไหมว่า Bittorrent คืออะไร

ที่มา – siambit

About modify 4848 Articles
สามารถนำบทความไปเผยแพร่ได้อย่างอิสระ โดยกล่าวถึงแหล่งที่มา เป็นลิงค์กลับมายังบทความนั้นๆ บทความอาจมีการพิมพ์ตกเรื่องภาษาไปบ้าง ต้องขออภัย พยามจะพิมพ์ผิดให้น้อยที่สุด (ทำเว็บคนเดียวไม่มีคนตรวจทาน) บทความที่สอนเรื่องต่างๆ กรุณาอ่านบทความให้เข้าใจก่อนโพสต์ถาม ติดตรงไหนสามารถถามได้ที่โพสต์นั้นๆ

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.