X
MODIFY: Technology News
Technology, Innovation, and Education เทคนิดการใช้งาน สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ เรื่องไอที

Panel จอคอมพิวเตอร์ LCD แบบ TN, VA และ IPS คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร อย่างไหนดีกว่ากัน

มารู้จัก Panel ของ Monitor ว่าคืออะไร จอแบบ TN, VA และ IPS ต่างกันอย่างไร

สำหรับผู้ใช้งานจอคอมพิวเตอร์น่าจะเคยได้ยินเรื่องของ Panel ของจอในแต่ละรุ่นที่เราได้ยินๆมาก็จะมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกันได้แก่ TN, VA และ IPS หลายคนอาจจะเกิดคำถามว่า Panel แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนดีกว่ากัน หากต้องการใช้งานแต่ละด้านควรเลือกซื้อแบบไหน บทความนี้จะพูดถึงเรื่องของ Panel ในแต่ละประเภทให้ไปลองตัดสินใจเลือกซื้อกันดู

Panel TN คืออะไร

TN ย่อมาจาก Twisted nematic ถือว่าเป็นพาแนลของจอประเภท LCD ที่เก่าแก่ที่สุด เป็น LCD ในยุคแรก ที่ผลิตมาแทนที่จอชนิด CRTs ถึงแม้ว่าจะเป็นชนิดของ LCD ที่เก่าแก่ที่สุด หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นรุ่นที่เก่าและตกยุคไปแล้ว แต่จริงๆแล้ว จอประเภท TN ก็มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็ยังคงผลิตและจำหน่ายในยัคปัจจุบันอยู่ และความสามารถในเรื่องต่างๆก็ไม่ด่อยไปกว่าจอประเภทอื่นๆ เพราะมีข้อเด่นและข้อดีแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเภทนั้นเอง

ข้อดีของจอพาแนลแบบ TN

ต้นทุนในการผลิตที่ต่ำกว่าประเภทอื่นๆ Input Lag ต่ำจึงทำ Response Time ได้ดี ทำให้สามารถดันค่า Refresh Rate ได้ง่ายมากซึ่งเราอาจเห็นจอที่ใช้ Panel แบบ TN ในราคาถูกทำ Refresh Rate ได้ถึง 240 Hz ในราคาที่ไม่อยากจะเชื่อสายตากันมาบ้างแล้ว จอคอมพิวเตอร์ที่ใช้พาแนลแบบ TN จึงเหมาะสำหรับเหล่าเกมมิ่งที่ต้องการการตอบสนองที่เร็ว

ข้อเสียของจอพาแนลแบบ TN

ถึงแม้จะมีการตอบสนองที่ดี แต่ต้อด่อยของ TN มีข้อด่อยตรงเรื่องของความแม่นยำของสี  เพราะมีมุมมองที่แคบกว่าจอประเภทอื่น จึงเกิดปัญหาในการแสดงผลในมุมมองที่ต่างกัน ยกตัวอย่างคือหากมองภาพจากด้านข้างของจอ มองเห็นภาพที่สีเพี้ยนมาก ไม่เหมือนการมองจากหน้าจอตรงๆ ทั้งยังมีข้อจำกัดของเรื่อง ความแตกต่างของสี หรือ Color depth และ ความกว้างของช่วงสี Color gamut

  • ความต่างของสี Color depth จอภาพแบบ TN จะทำได้เพียง 6bit (64 เฉดสีของสีหลักแต่ละสี)  ในขณะที่ VA และ IPS ทำได้ 8bit (256 เฉดสีของสีหลักแต่ละสี) ขึ้นไป มีผลในเรื่องของการไล่ระดับความแตกต่างระสีต่างๆ ยกเช่น สีแดงเข็มจนไปถึงสีแดงอ่อน
  • ความกว้างของช่วงสี Color gamut ขอบเขตของสี การที่ขอบเขตของสีกว้างมากเท่าไหร่ ความสมจริงของภาพก็จะมีมากเท่านั้น

ถึงข้อเสียที่ว่ามาทั้งหมดสำหรับจอคอมพิวเตอร์ที่ใช้ประเภทพาแนลแบบ TN ยุคใหม่ก็พัฒนามาช่วยลดความพกพร่องดังกล่าวไปได้พอสมควรแล้ว แต่หากยังเทียบข้อเสียตรงนี้กับพาแนลอื่นๆก็ยังถือว่าด่อยกว่าพาแนลอื่นๆอยุ่ดี

Panel VA คืออะไร

VA ย่อมาจาก Vertical alignment แปลได้ตรงตัวของชื่อเพราะจอ LCD แบบ VA มีโครงสร้างพาแนล RGB แบบตรง

จอภาพที่ใช้พาแนลแบบ VA จะมีค่า Contrast ratio ที่สูงที่สุดในทั้ง 3 ประเภท ซึ่งช่วยให้ได้สีที่ตรงกับนั้นจริงๆ สีดำก็จะดำสุด สีขาวสุด ซึ่งในส่วนนี้เป็นส่วนที่เด่นที่สุดสำหรับจอภาพแบบ VA ที่ IPS และ TN ถือว่ายังด่อยอยู่มาก ทำให้สีสมจริงและภาพคมชัดกว่าในทุกๆพาแนล แต่ปัญหาของ VA จะมีข้อด่อยตรงเรื่องของมุมมองเช่นเดียวกับแบบ TN แต่ดีกว่าอยู่ในระดับกล่าวๆ กล่าวคือ การมองภาพจากด้านข้าง อาจทำให้สีของภาพเพี้ยนไปบ้างขึ้นอยู่กับมุมมองที่มอง

ข้อดีของจอพาแนลแบบ VA

Contrast ratio สูงประมาณ 3000:1 ขึ้นไปจนถึงประดับ 6000:1 ในขณะที่ IPS  ทำได้ประมาณ 1000:1 และ TN ทำได้ต่ำสุด ความสมจริงของสีดีกว่า และมีรายละเอียดของ sRGB ที่ทำได้ดีกว่า หากใครต้องการภาพที่ชัดสมจริงต้องเลือก พาแนลแบบ VA

ข้อเสียของจอพาแนลแบบ VA

ข้อเสียของพาแนลแบบ VA ก็จะเป็นเรื่องของมุมมองเหมืนกับ TN แต่จะน้อยกว่า คือการมองภาพที่อยู่ในแนวตรงจะทำได้ดีมาก แต่หากมองจากมุมด้านข้างหรือมุมอื่นๆ จะทำให้สีเพี้ยนหรือแสดงผลต่างออกไปบ้าง แต่เราจะเห็นปัญหานี้น้อยมากกับจอชนิด VA ในรุ่นท๊อปราคาแพง เพราะมีการปรับปรุงด้านฮาร์ดแวร์รวมถึงอุปกรณ์เสริมเพื่อลดข้อบกพร่องนี้ออกไป แต่ก็ยังทำได้ไม่ดีเท่า IPS อยู่ดี

ส่วนเรื่องของการตอบสนอง Response Time จอภาพแบบ VA จะทำได้ไม่ดีเท่ากับชนิดอื่นนัก ถึงแม้จะวัดค่า Latency ได้ 1ms แต่ก็อาจมีความแตกต่างกันของค่า MPRT และ GtG (MPRT คือ ความเร็วในการตอบสนองภาพ GtG คือ ความเร็วในการเปลี่ยนลองพิกเซล) ซึ่งเรื่องพวกนี้เราอาจเห็นความแตกต่างของการเปลี่ยนภาพเร็วๆที่อาจมีภาพซ่อนกับหรือมัวๆหรือที่เรียกกันว่า Ghosting และ Motion blur

Panel IPS คืออะไร

IPS ย่อมาจาก In-plane switching โครงสร้างของพิกเซลในจอแบบ IPS จะแตกต่างกับของ VA ที่ไม่ใช่แนวตรงอย่างเดียว อาจจะมีการปรับรูปแบบของพิกเซล RGB ไม่ใช่แนวเดียวหรือแนวตรง เพื่อรองรับการมองรูปภาพในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป ถึงจะเรียงสีแบบ red, green และ blue

หากจะเปรียบเทียบความสามารถเรื่องการแสดงผลของ IPS แล้วคงต้องบอกว่าอยู่ในระดับดี ถึงจะเทียบกับจอแบบ VA ไม่ได้บ้างในบางเรื่องแต่สิ่งที่ IPS ดีและถือว่าเป็นจุดเด่นของ IPS ก็คือเรื่องของมุมอง ที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนจอในรูปแบบพาแนล IPS ทำได้ดีกว่าในทุกรูปแบบ กล่าวคือสีจะเพี้ยนน้อยมาก หรือแทบไม่มีความต่างในการมองด้านข้างของจอ

ข้อเสียของจอแบบพาแนล IPS

ถึงทุกอย่างจะดูทำได้ในระดับค้อนข้างดี แต่ข้อเสียของจอพาแนลแบบ IPS ก็มีข้อเสียก็คือ IPS glow ที่สีแสง Backlight สว่างรอดออกมาจากจอตามขอบจอ ซึ่งจะเห็นชัดมากขึ้นในมุมมองที่ต่างกัน และถ้าพื้นหลังเป็นสีดำ

จอแต่ละรูปแบบมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป โดยให้เลือกซื้อหน้าจอที่เหมาะกับการใช้งานของเรา โดยอาจสรุปความเหมาะสมของการใช้งานได้คร่าวๆดังต่อไปนี้

  • พาแนล TN เหมาะสำหรับจอที่ต้องการราคาถูก และต้องการ การตอบสนองที่ไว เหมาะสำหรับคอเกม ที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องความสมจริงของภาพมากนัก (แต่ก็ไม่ได้แสดงภาพที่เลวร้ายอะไรมากนัก) สนใจเรื่องการตอบสนองเป็นหลัก
  • พาแนล VA เป็นจอที่ให้ความสมจริงของภาพได้ดีกว่า เหมาะสำหรับสือด้านความบันเทิง ทำงานเน้นเรื่องความแม่นยำของสี ดูหนัง ได้ภาพที่สมจริงกว่า
  • พาแนล IPS เป็นจอที่มีความสามารถที่อยู่ในระดับดี มีข้อเสียและข้อดีที่เทียบกับจอแบบ VA ก็จะมีข้อดีข้อเด่นแตกต่างกันไป คนที่เลือกจอแบบ IPS ส่วนใหญ่มักเลือกเรืองของมุมมองภาพ ที่ไม่ว่าจะมองมุมไหน ก็สีไม่ผิดเพี้ยน เหมาะกับใช้งานหลากหลาย

มาถึงตรงนี้แล้ว คาดว่าเราน่าจะพอเห็นภาพกันแล้วใช่หรือไม่ว่าเราต้องการจอภาพแบบไหน ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงจุดเด่นและจุดด่วนที่ยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนเท่านั้น ซึ่งการใช้งานจริงๆ เราอาจจะไม่เห็นความแตกต่างในระดับจอในยุคใหม่ และรุ่นท๊อปแล้วก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีของประเภทจอต่างๆด้วย ถึงจะมีความแตกต่างกันเรื่องของเทคโนโลยีพื้นฐาน แต่ทุกประเภทก็มีการพัฒนาปิดจุดบกพร่องของตัวเองอยู่เรื่อยๆ และแต่ละประเภทก็มีรุ่นย่อยต่างไปอีก แล้วแต่ผู้ผลิต และผู้พัฒนาจะเลือกมาใช้กับจอรุ่นไหน ฉนั้นจะดูแค่พาแนลอย่างเดียว คงด่วนสรุปไม่ได้ว่าจอแบบไหนดีกว่ากัน ในทุกๆเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดด้วยเช่นกัน