มีรายงานใหม่จากแหล่งข่าวต่างประเทศระบุว่า Apple อาจขยายการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ iPhone 17 ด้วยการถอดถาดใส่ซิมการ์ดแบบปกติออกจากหลายประเทศทั่วโลก หลังจากที่ก่อนหน้านี้การเปลี่ยนแปลงนี้จำกัดเฉพาะ iPhone 14 ทุกรุ่นที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Apple ผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนมาใช้ eSIM อย่างเต็มรูปแบบ
Apple เชื่อว่าการใช้ eSIM จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยของผู้ใช้มากขึ้น โดย eSIM ไม่สามารถถอดออกได้ หากเครื่องสูญหายหรือถูกขโมย อีกทั้งยังช่วยลดความยุ่งยากในการขอซิมใหม่ พกซิม หรือรอรับซิมทางไปรษณีย์ ซึ่งทำให้กระบวนการจัดการหมายเลขโทรศัพท์ง่ายขึ้นกว่าการใช้ซิมการ์ดปกติ
ในเอกสารสนับสนุนที่ Apple เคยเผยแพร่ระหว่างเปิดตัว iPhone 14 บริษัทระบุว่า iPhone รุ่น XS และใหม่กว่า สามารถบันทึกโปรไฟล์ eSIM ได้มากกว่า 8 โปรไฟล์ และตั้งแต่ iPhone 13 ขึ้นไป สามารถเปิดใช้งาน eSIM ได้พร้อมกันสูงสุด 2 โปรไฟล์ เช่น การตั้งค่า eSIM หนึ่งสำหรับเบอร์หลักในประเทศ และอีกหนึ่งสำหรับเบอร์ชั่วคราวในต่างประเทศ โดยผู้ใช้สามารถสลับการเปิดใช้งาน eSIM เหล่านี้ได้ง่าย ๆ ผ่านเมนู Settings
อย่างไรก็ตาม แม้ Apple จะร่วมมือกับเครือข่ายมากกว่า 400 ผู้ให้บริการ ในกว่า 100 ประเทศ เพื่อรองรับการใช้งาน eSIM แต่ก็ยังมีเสียงวิจารณ์จากผู้ใช้บางส่วน โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางไปยังประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากหลายพื้นที่ยังไม่มีบริการ eSIM ครอบคลุม ตัวอย่างเช่น Austin Mann ช่างภาพท่องเที่ยวชื่อดัง ได้กล่าวถึงประสบการณ์ในการรีวิวกล้อง iPhone 14 Pro ว่าเขามีความกังวลเกี่ยวกับการใช้ iPhone รุ่น eSIM-only เพราะมักจะซื้อซิมการ์ดท้องถิ่นในแต่ละประเทศเพื่อความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย แต่กลับพบว่าบางภูมิภาค เช่น แอฟริกาตะวันออก ยังไม่สามารถสมัครใช้ eSIM ได้ง่ายนัก
หากรายงานเกี่ยวกับ iPhone 17 เป็นจริง นั่นหมายความว่า Apple เตรียมผลักดันการใช้ eSIM ให้กว้างขึ้นทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลต่อทั้งผู้ใช้งานและผู้ให้บริการเครือข่ายในหลายประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่โครงสร้างพื้นฐานด้าน eSIM ยังไม่ครอบคลุมเต็มที่ ทำให้ผู้ใช้ในบางภูมิภาคอาจต้องเตรียมตัวปรับตัวเข้าสู่ยุค iPhone แบบ eSIM-only อย่างเต็มรูปแบบ
ที่มา – macrumors.com