X
MODIFY: Technology News
Technology, Innovation, and Education เทคนิดการใช้งาน สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ เรื่องไอที

สถานการณ์ TikTok ยังกำกวมอีกครั้งหลัง Trump เผยว่าได้พูดคุยกับประธานาธิบดีจีน แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใด ๆ

ทรัมป์อัปเดตสถานะ TikTok แบบกำกวม แม้จะอ้างว่า “ได้รับการอนุมัติจากจีน” แต่ไม่มีรายละเอียดชัดเจนเรื่องเจ้าของใหม่

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความล่าสุดใน Truth Social ระบุว่าได้สนทนากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเกี่ยวกับหลายประเด็น รวมถึง “การอนุมัติข้อตกลง TikTok” แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าว ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนว่าสุดท้าย TikTok ในสหรัฐฯ จะถูกควบคุมโดยใคร และรูปแบบการดำเนินการจะเป็นอย่างไร

ในการโทรศัพท์ดังกล่าว ทรัมป์เขียนว่า “เรามีความคืบหน้าในหลายประเด็นสำคัญ… รวมถึงการอนุมัติข้อตกลง TikTok” (progress on many very important issues including… the approval of the TikTok Deal) แต่ก็ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทอเมริกันที่จะเข้ามาควบคุมแพลตฟอร์ม หรือแม้กระทั่งชื่อของผู้ซื้อ ซึ่งต่างจากแนวทางปกติของทรัมป์ที่มักจะประกาศความสำเร็จของดีลต่าง ๆ อย่างชัดเจน

แม้รายงานจาก The Wall Street Journal จะระบุว่า Oracle, Silver Lake และ Andreessen Horowitz กำลังร่วมกันเจรจาเพื่อถือหุ้น 80% ของ TikTok ในสหรัฐฯ พร้อมตั้งบอร์ดบริหารที่มีอเมริกันครองเสียงข้างมาก แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปอย่างเป็นทางการ และคำพูดของทรัมป์ก็ไม่ได้ช่วยยืนยันความคืบหน้าแต่อย่างใด

ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ขยายเส้นตายตามกฎหมายปี 2024 ที่สั่งให้ ByteDance ขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ให้บริษัทอเมริกัน — จากกำหนดแรกในเดือนมกราคม เลื่อนไปเมษายน จากนั้นเป็นมิถุนายน และล่าสุดขยายอีกครั้งเป็นวันที่ 16 ธันวาคม โดยนักกฎหมายจำนวนมากมองว่า การเลื่อนซ้ำ ๆ นี้อาจขัดต่อกฎหมาย เพราะกฎหมายของรัฐสภาสหรัฐฯ ไม่สามารถละเว้นได้ด้วยคำสั่งฝ่ายบริหาร

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ ข้อตกลงที่กำลังเจรจาระหว่าง ByteDance กับฝั่งสหรัฐฯ อาจไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในกฎหมาย เช่น เรื่องการถ่ายโอนอัลกอริทึม ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของข้อกังวลด้านความมั่นคง โดยรายงานจาก Financial Times ชี้ว่า จีนต้องการให้มีการ “ให้สิทธิ์ใช้อัลกอริทึม” แทนการถ่ายโอนกรรมสิทธิ์โดยตรง

ท่ามกลางความกำกวมทั้งหมดนี้ มีเพียงอย่างเดียวที่ชัดเจน: ทรัมป์ยืดเวลาออกไปอีก และไม่มีแรงกดดันใด ๆ จากรัฐสภาในการเร่งรัดดีลให้เกิดขึ้นจริง

 

ที่มา – gizmodo.com