รัฐบาลโปแลนด์ยื่นจดหมายด่วนถึงคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เรียกร้องให้ตรวจสอบ TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอชื่อดังอย่างเป็นทางการ หลังพบการแพร่ระบาดของเนื้อหาที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งมีเนื้อหายุยงให้โปแลนด์แยกตัวออกจากสหภาพยุโรป โดยระบุว่าเป็นปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (Disinformation) ที่มีความเชื่อมโยงกับรัสเซีย
ประเด็นดังกล่าวเริ่มแดงขึ้นหลังจากพบโปรไฟล์ TikTok รายหนึ่งเผยแพร่วิดีโอหญิงสาวหน้าตาดี แต่งกายด้วยชุดสีประจำชาติโปแลนด์ ออกมาพูดเรียกร้องให้ชาวโปแลนด์สนับสนุนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Polexit) ซึ่งได้รับความสนใจและถูกแชร์ต่ออย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม โฆษกรัฐบาลโปแลนด์ระบุว่า วิดีโอเหล่านั้นเป็น “สื่อสังเคราะห์” (Synthetic Media) หรือ AI ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีจุดสังเกตสำคัญคือ “รูปประโยคและไวยากรณ์” ที่ใช้นั้นผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติของภาษาโปแลนด์ แต่กลับมีโครงสร้างคล้ายคลึงกับภาษาภาษารัสเซียอย่างมาก จึงเชื่อได้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มปฏิบัติการจากรัสเซีย
นาย Dariusz Standerski รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงดิจิทัลของโปแลนด์ ได้ระบุในจดหมายถึงสหภาพยุโรปว่า “เนื้อหาที่ถูกเผยแพร่นี้ถือเป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม ความมั่นคงของข้อมูล และบ่อนทำลายกระบวนการทางประชาธิปไตยทั้งในโปแลนด์และทั่วทั้งยุโรป”
โปแลนด์มองว่า TikTok ในฐานะแพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่มาก (Very Large Online Platform – VLOP) กำลังละเลยต่อหน้าที่ภายใต้กฎหมาย Digital Services Act (DSA) ที่ระบุว่าแพลตฟอร์มต้องมีมาตรการประเมินและป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากเนื้อหา AI
ทางด้านโฆษกของ TikTok ได้ตอบโต้ผ่านแถลงการณ์ทางอีเมลว่า “ทางบริษัทได้ติดต่อกับทางการโปแลนด์แล้ว และได้ทำการลบเนื้อหาที่ละเมิดกฎของแพลตฟอร์มออกไปเรียบร้อยแล้ว” (ปัจจุบันบัญชีดังกล่าวไม่สามารถเข้าถึงได้แล้ว)
อย่างไรก็ตาม สหภาพยุโรปยืนยันว่าได้รับเรื่องแล้ว โดยย้ำว่าภายใต้กฎหมาย DSA แพลตฟอร์มขนาดใหญ่ต้องรับผิดชอบต่อการแพร่กระจายของข้อมูลบิดเบือน หากผลการตรวจสอบพบว่า TikTok ล้มเหลวในการจัดการความเสี่ยงจริง อาจต้องเผชิญกับโทษปรับมหาศาลสูงสุดถึง 6% ของรายได้รวมทั่วโลกปี
กรณีนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ TikTok ถูกตรวจสอบในยุโรป โดยเมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการยุโรปได้เปิดการสอบสวน TikTok กรณีสงสัยว่าล้มเหลวในการจำกัดการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในโรมาเนียมาแล้ว ซึ่งเหตุการณ์ในโปแลนด์ครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำความกังวลของกลุ่มประเทศยุโรปต่อการจารกรรมและสงครามไซเบอร์จากรัสเซียที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงปลายปี 2025
ที่มา – Reuters