
ตรวจพบปัญหากับกล้อง TrueDepth ทำให้ Face ID ถูกปิดใช้งาน ในไอโฟนเกิดจากอะไร แก้ไขได้ไหม ค่าซ่อมเท่าไหร่
สำหรับผู้ใช้งาน iPhone และไม่สามารถใช้งาน Face ID หรือระบบสแกนใบหน้าได้ และตรวจสอบพร้อมขึ้นข้อความ “ตรวจพบปัญหากับกล้อง TrueDepth ทำให้ Face ID ถูกปิดใช้งาน” (A problem was detected to the truedepth camera Face ID has been disabled) ให้ทำรู้สึกว่าเครื่องมีปัญหาเกี่ยวกับ กล้อง TrueDepth จึงเกิดคำถามว่า เกิดจากอะไร แก้ไขอย่างไร และต้องเสียค่าใช้ง่ายหากจำเป็นต้องซ่อมเท่าไหร่ บทความนี้จะมาทำความรู้จักเกี่ยวกับข้อความ error ดังกล่าวกัน
ตรวจพบปัญหากับกล้อง TrueDepth ทำให้ Face ID ถูกปิดใช้งาน ใน iPhone คืออะไร
ปัญหาที่ตรวจพบกับกล้อง TrueDepth และทำให้ Face ID ถูกปิดใช้งานบน iPhone มักเกิดจากความผิดพลาดในการทำงานของฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับระบบ Face ID ซึ่งกล้อง TrueDepth คือส่วนสำคัญของระบบนี้ที่ใช้การจดจำใบหน้าเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์ ความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่
- กล้อง TrueDepth เสียหาย: หากมีความเสียหายทางกายภาพต่อกล้องหรือเซ็นเซอร์ TrueDepth เช่น จากการทำตกหรือกระแทก น้ำหรือความชื้น อาจทำให้ระบบ Face ID หยุดทำงาน
- ความผิดปกติของซอฟต์แวร์: ปัญหาของระบบปฏิบัติการ iOS อาจทำให้ Face ID ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
- สิ่งสกปรกหรือปิดบังกล้อง: หากมีกระจกหน้าจอหรือฟิล์มที่ปิดทับกล้อง TrueDepth หรือมีสิ่งสกปรก เช่น ฝุ่น หรือคราบไขมัน อาจทำให้กล้องทำงานไม่ถูกต้อง
- อัปเดต iOS: การอัปเดต iOS ที่ไม่สมบูรณ์หรือมีข้อบกพร่องอาจส่งผลกระทบต่อ Face ID
การแก้ไขเบื้องต้นเมื่อเจอปัญหานี้
- ตรวจสอบกล้อง TrueDepth ให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกปิดบัง
- ตรวจสอบความชื้นภายในเครื่องและทดสอบเปิดใช้งานใหม่หลังแน่ใจว่าเครื่องไม่มีความชื้นแล้ว
- รีสตาร์ทเครื่อง
กล้องหน้าใช้ได้ปกติแต่ทำไม TrueDepth ใช้ไม่ได้?
กล้อง TrueDepth เป็นระบบกล้องพิเศษที่แตกต่างจากกล้องปกติใน iPhone โดยเฉพาะที่ใช้สำหรับฟีเจอร์ Face ID และการจดจำใบหน้า 3 มิติ ซึ่ง TrueDepth ไม่ได้เป็นเพียงกล้องที่ใช้ถ่ายรูปหรือวิดีโอเหมือนกล้องปกติ แต่เป็นระบบที่มีส่วนประกอบหลายอย่างทำงานร่วมกันเพื่อสร้างแผนที่ใบหน้าอย่างละเอียดและแม่นยำ
ส่วนประกอบสำคัญของระบบ TrueDepth มีดังนี้
- กล้องอินฟราเรด (Infrared Camera): ใช้ในการจับภาพใบหน้าแม้ในที่แสงน้อยหรือมืดสนิท
- โปรเจกเตอร์จุด (Dot Projector): ทำหน้าที่ฉายจุดเล็กๆ นับพันบนใบหน้าเพื่อสร้างแผนที่สามมิติของใบหน้า
- ตัวปล่อยแสงอินฟราเรด (Flood Illuminator): ให้แสงอินฟราเรดเพื่อช่วยให้ระบบทำงานในที่ที่มีแสงน้อยหรือไม่มีแสงเลย
ในขณะที่กล้องปกติ (เช่น กล้องหน้า) ใช้ในการถ่ายรูปและวิดีโอ 2 มิติ กล้อง TrueDepth จะวิเคราะห์ข้อมูลสามมิติของใบหน้า ทำให้สามารถจดจำใบหน้าได้อย่างแม่นยำแม้ว่าใบหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เช่น ใส่แว่น เปลี่ยนทรงผม หรือตอนกลางคืน ดังนั้น กล้อง TrueDepth ถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะทางและแยกจากกล้องปกติที่ใช้ในการถ่ายภาพง
ค่าซ่อม Face ID ใช้งานไม่ได้
โดยทั่วไปแล้วราคาค่าซ่อมของ Face ID ที่ใช้งานไม่ได้ ราคาจะขึ้นอยู่กับความเสียหาย และรูปแบบการซ่อม และรุ่นของเครื่องที่เสียโดยอาจสรุปค่าซ่อมคร่าวๆได้ประมาณนี้
- บริการค่าซ่อม TrueDept Camera จากศูนย์ผู้ให้บริการ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 5,600 – 9,400 บาท (เรียงตั้งแต่ iPhone 12 – 15 ยิ่งใหม่ยิ่งแพง)
- ราคาซ่อมร้านอาจแบ่งเป็นความเสียหายได้ 3 ประเภท คือ
- Dot Projector ฉายจุดเล็กๆ กว่า 30,000 จุดบนใบหน้า เพื่อสร้างแผนที่ 3 มิติของใบหน้า เครื่องส่วนใหญ่มักเสียที่ตรงนี้เพราะอาจเกิดจากความชื้อหรือโดนน้ำมา การซ่อมลักษณะนี้จะมีการเปลี่ยนตัว Dot Projector ใหม่โดยการ copy ค่าเดิม (ร้านต้องมีเครื่อง Pair Bypass) ราคาก็จะอยู่ราวๆ 2,500 – 6,500 บาท แล้วแต่ร้านแล้วแต่รุ่น (ราคาอาจถูกลงตามกาลเวลา)
- Proximity Sensor เซ็นเซอร์ที่ใช้ในการตรวจจับระยะห่างของวัตถุ โดยเฉพาะในการปิดหน้าจอขณะถือโทรศัพท์ใกล้หู รวมถึงช่วยในระบบการทำงานของ Face ID ด้วย ปกติแล้วชิ้นส่วนนี้มักไม่ค่อยเสีย แต่หากเสียก็จะมีราคาซ่อมไม่ต่างจาก Dot Projector เสียมากนนัก
- IR Camera กล้องอินฟราเรดที่จับข้อมูลจากการสะท้อนของแสงอินฟราเรดบนใบหน้า ซึ่งช่วยให้ Face ID ทำงานได้แม้ในที่มืด ถ้า IR Camera เสียอาจต้องส่งศูนย์ให้บริการซ่อมอย่างเดียว ราคาก็จะเป็นราคาศูนย์ที่กล่าวไปแล้วข้างต้น
Leave a Reply