รู้จัก Efficiency mode ใน Task Manager ของ Windows 11
Efficiency Mode คือฟีเจอร์ใน Windows 11 (และบางรุ่นของ Windows 10) ที่ช่วยจำกัดการใช้ทรัพยากรของโปรเซส (process) เพื่อให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดพลังงาน ลดความร้อน และลดการใช้ CPU โดยเฉพาะกับแอปพลิเคชันที่ทำงานเบื้องหลังหรือไม่ได้ใช้งานทันที
เมื่อเปิด Efficiency Mode ให้กับโปรเซสใดโปรเซสหนึ่ง Windows จะลดลำดับความสำคัญ (process priority) และใช้เทคโนโลยีชื่อ EcoQoS ซึ่งทำให้การใช้พลังงานของโปรเซสนั้นลดลง โดยไม่กระทบกับการใช้งานโดยรวมของระบบมากนัก
คุณสมบัติของ Efficiency Mode
- จำกัดการใช้ CPU และพลังงานของโปรเซสเป้าหมาย
- ช่วยลดการใช้พลังงานโดยรวมของระบบ
- ลดความร้อนและการทำงานของพัดลม
- ช่วยให้เครื่องลื่นขึ้นในกรณีที่มีหลายโปรเซสรันพร้อมกัน
จะเปิด Efficiency Mode ได้อย่างไร

- เปิด Task Manager (กด Ctrl + Shift + Esc)
- ไปที่แท็บ Processes
- คลิกขวาที่โปรเซสที่ต้องการจำกัด แล้วเลือก Efficiency mode หรือ คลิกที่มุนบนขวามือในขณะที่เลือก Process ที่ต้องการ
ทำไมบางโปรเซสเปิด Efficiency Mode ไม่ได้
- เป็นโปรเซสของระบบ (System Process) เช่น Windows Shell, Service Host
- เป็นโปรเซสที่มีสิทธิ์ระดับสูง (รันในสิทธิ์ Administrator)
- อาจเปิด Efficiency Mode อยู่แล้ว (จะเห็นไอคอนสีเขียวในคอลัมน์ Status)
- Task Manager ต้องเปิดด้วยสิทธิ์ Administrator เพื่อเปลี่ยนบางโปรเซส
ข้อควรระวัง
แม้ Efficiency Mode จะช่วยประหยัดพลังงาน แต่หากเปิดกับโปรแกรมที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น ซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอ หรือเกม อาจทำให้โปรแกรมทำงานช้าลงหรือกระตุกได้
Efficiency Mode เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับผู้ใช้ Windows ที่ต้องการประหยัดพลังงาน หรือควบคุมการใช้ทรัพยากรของแอปที่รันเบื้องหลัง เหมาะกับโน้ตบุ๊กหรือพีซีที่ต้องการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ และช่วยให้ระบบโดยรวมทำงานได้ราบรื่นมากขึ้น
Leave a Reply