จากประกาศอย่างเป็นทางการบน Microsoft Edge Blog วันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 Microsoft ระบุว่าตลาดเริ่มเต็มไปด้วยเว็บเบราว์เซอร์ที่มีฟีเจอร์ AI เน้นเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่หลายแพลตฟอร์มกลับละเลยพื้นฐานของการป้องกันภัยคุกคาม จนผู้ใช้ต้องเลือกระหว่าง “ความปลอดภัย” กับ “ประสิทธิภาพ” Microsoft จึงประกาศยกระดับ Edge for Business ให้เป็น “secure enterprise AI browser” โดยผสานสามองค์ประกอบหลักคือพลังของ Microsoft 365 Copilot บริบทขององค์กรผ่าน Microsoft Graph และรากฐานความปลอดภัยของ Edge for Business ที่ใช้ในองค์กรอยู่แล้ว
Microsoft ระบุว่าลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่จำนวนมากใช้งาน Edge for Business เป็นเบราว์เซอร์หลักในองค์กร คิดเป็นสัดส่วนการท่องเว็บประมาณ 60% และตัวเลขยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจาก Edge for Business เป็นหนึ่งในเบราว์เซอร์ระดับองค์กรที่นำหน้าในด้านความปลอดภัยและเป็นหนึ่งในรายแรกที่นำ AI มาใช้งานในเบราว์เซอร์ ขณะที่รายอื่นเพิ่งเริ่มเน้นการท่องเว็บด้วย AI Microsoft กำลังก้าวต่อไปสู่ยุคของการท่องเว็บแบบเอเยนต์ (agentic browsing) ที่ปลอดภัยและควบคุมได้มากขึ้น
บทความแบ่งรายละเอียดออกเป็นหลายส่วน ได้แก่ Copilot Mode, Multi-tab reasoning และอัปเกรด AI อื่นๆ, ระบบควบคุมการท่องเว็บด้วย AI อย่างปลอดภัย, การปกป้องการใช้งานเบราว์เซอร์สำหรับผู้รับจ้าง, Watermarking, Protected Clipboard, การจัดการนโยบายข้ามแพลตฟอร์ม, Enterprise preview และการควบคุมส่วนขยาย
Copilot Mode แปลง Edge for Business ให้เป็น “ผู้ช่วยอัจฉริยะ” ในองค์กร
Microsoft นำ Copilot Mode ที่ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทดลองใช้งานอยู่แล้ว เข้ามาสู่เบราว์เซอร์สำหรับองค์กรอย่าง Edge for Business โดยเพิ่มชั้นความปลอดภัยและการควบคุมที่ทีม IT คาดหวัง Copilot Mode ใน Edge for Business ถูกออกแบบให้เป็นชุดฟีเจอร์ AI แบบ agentic, proactive และ contextual ที่ขับเคลื่อนด้วย Microsoft 365 Copilot
เมื่อเปิด Copilot Mode แล้ว เบราว์เซอร์จะทำหน้าที่เสมือน “คู่หูอัจฉริยะ” ที่ทำงานบนบริบทจริงของผู้ใช้และข้อมูลภายในองค์กร ผ่านสัญญาณจาก Microsoft Graph และบริบทของการท่องเว็บ เพื่อช่วยคาดการณ์ความต้องการและเร่งขั้นตอนการทำงาน พร้อมให้คำตอบที่ไม่ใช่เพียงข้อมูลทั่วไป แต่ปรับตามงานและบริบทของผู้ใช้ในองค์กร
Microsoft เน้นว่าการนำ AI เข้ามาในองค์กรมีความเร็วไม่เท่ากันในแต่ละองค์กร และแม้แต่ภายในองค์กรเดียวกันแต่ละทีมอาจเดินหน้าต่างกัน Copilot Mode จึงถูกออกแบบให้มีสวิตช์ชัดเจน ผู้ใช้หรือองค์กรสามารถเลือกเปิดเข้าสู่โหมด AI ขั้นสูงเมื่อพร้อม นั่นหมายความว่าองค์กรสามารถใช้เบราว์เซอร์เดียว เพื่อรองรับทั้ง “การท่องเว็บแบบดั้งเดิมที่ปลอดภัย” และ “การท่องเว็บด้วย AI ขั้นสูง” ได้พร้อมกัน
ในระยะแรก Copilot Mode ประกอบด้วยประสบการณ์หลักดังนี้
- Agent Mode ช่วยลดงานซ้ำซ้อนโดยทำงานแบบเวิร์กโฟลว์หลายขั้นตอนแทนผู้ใช้ กระบวนการที่กินเวลา เช่น การเก็บข้อมูลจากหลายเว็บ การเปรียบเทียบข้อมูล หรือการดำเนินขั้นตอนออนไลน์ สามารถปล่อยให้ Agent Mode ทำแทนได้ เพื่อให้พนักงานโฟกัสกับงานที่มีมูลค่าสูงกว่า
- Copilot Mode จะไม่ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ องค์กรต้องเปิด Copilot Mode ก่อน และหลังจากนั้นจึงเปิด Agent Mode แยกต่างหาก พร้อมกำหนด “รายการเว็บไซต์ที่อนุญาต” ให้ Agent Mode ทำงานได้เฉพาะบนโดเมนนั้นๆ เท่านั้น
- ในมุมมองของผู้ใช้ Microsoft เพิ่มสัญลักษณ์และสัญญาณภาพชัดเจนเมื่ออยู่ใน Agent Mode และผู้ใช้สามารถหยุดการทำงานได้ทุกเมื่อ แนะนำให้เริ่มใช้งานด้วยรายชื่อเว็บไซต์ที่จำกัดก่อนเพื่อควบคุมความเสี่ยง
นอกจากนี้ Microsoft ยังปรับหน้าแท็บใหม่ (new tab page) ในสไตล์ Copilot โดยมีช่องอินพุตที่รวมทั้งการค้นหาและการสนทนาในกล่องเดียว และมีคอลัมน์สำหรับไฟล์ ปฏิทิน และ prompt ส่วนตัวให้เข้าถึงได้ทันทีจากหน้าแรกของเบราว์เซอร์ ฟีเจอร์สำคัญบนหน้าแท็บใหม่คือ Daily Briefing ซึ่งเป็นสรุปการประชุม งาน และลำดับความสำคัญของผู้ใช้ โดยอ้างอิงจากแท็บที่เปิดอยู่และข้อมูลจากกราฟ ลดความจำเป็นในการค้นหาอีเมลหรือสลับแอปไปมา
ฟีเจอร์ Agent Mode และ Daily Briefing ต้องใช้สิทธิ์การใช้งาน Microsoft 365 Copilot จึงจะใช้งานได้
Multi-tab reasoning และอัปเกรด AI อื่นๆ ทำให้การท่องเว็บฉลาดขึ้น
Microsoft ประกาศฟีเจอร์ใหม่ที่ดึงบริบทจากเบราว์เซอร์มาใช้เพื่อทำให้การทำงานในทุกวันมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยชูจุดขายเรื่องการลดเวลาที่เสียไปกับการสลับแท็บและประกอบข้อมูลเอง
- Multi-tab reasoning ช่วยให้ Copilot วิเคราะห์เนื้อหาพร้อมกันได้สูงสุด 30 แท็บ ไม่ว่าจะเป็นเว็บเพจ เว็บไซต์ภายในองค์กร ไฟล์ PDF หรือไฟล์ Microsoft ผู้ใช้สามารถให้ Copilot สรุป เปรียบเทียบ หรือวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่งพร้อมกัน ลดการกดสลับหน้าจอไปมา
- Copilot รองรับการค้นคืนหน้าเว็บจากประวัติการท่องเว็บย้อนหลัง 3 เดือนด้วยภาษาธรรมชาติ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องจำชื่อแท็บหรือ URL อย่างแม่นยำ เพียงอธิบายว่าหน้าเว็บเกี่ยวกับอะไร Copilot จะช่วยค้นคืนให้
- YouTube summarization ทำให้ Copilot สรุปเนื้อหาวิดีโอบน YouTube และตอบคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาวิดีโอได้ ช่วยลดเวลาที่ต้องใช้ในการดูวิดีโอเต็ม ความสามารถด้านการสรุปวิดีโอมีแผนจะขยายไปยังแพลตฟอร์มวิดีโออื่นในอนาคต
ระบบควบคุมการท่องเว็บด้วย AI อย่างปลอดภัย
ทีม Edge for Business ระบุว่าการท่องเว็บด้วย AI ที่ปลอดภัยต้องเริ่มจาก “ทางเลือก” และ “ความเชื่อมั่น” ขององค์กร Microsoft จึงวางกรอบการป้องกันเป็นระบบหลายชั้น
- พื้นฐานมาจาก Enterprise Data Protection โดย Microsoft 365 Copilot รับรองว่าข้อมูล prompt, response และไฟล์จะอยู่ภายในขอบเขต tenant ขององค์กร Microsoft ทำหน้าที่เป็น data processor เท่านั้น และไม่ใช้ข้อมูลของลูกค้าในการฝึกโมเดลหรือโฆษณา เงื่อนไขนี้ครอบคลุมทุกการใช้งาน Copilot ใน Edge for Business เมื่อผู้ใช้ล็อกอินด้วย Entra ID ที่มีสิทธิ์
- Copilot Mode เป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องเปิดใช้งานอย่างจงใจเพื่อให้ฟีเจอร์ AI ขั้นสูงพร้อมใช้งาน Microsoft ระบุว่าจะทยอยส่งนวัตกรรม AI ขั้นสูงเข้ามาผ่าน Copilot Mode เป็นหลัก
- สำหรับฟีเจอร์บางอย่าง เช่น Agent Mode จะมี “ชั้นควบคุมเพิ่มเติม” ทีม IT ต้องเลือกว่าเปิดหรือไม่ และกำหนดรายชื่อเว็บไซต์ที่ Agent Mode สามารถทำงานได้ ผู้ใช้จะเห็นสัญญาณภาพชัดเจนเมื่อ Agent ทำงานและสามารถหยุดได้ตลอดเวลา
- Agent Mode และ multi-tab reasoning เคารพนโยบายการป้องกันข้อมูลที่มีอยู่ เช่น DLP และข้อจำกัดการใช้งานไฟล์ จึงไม่เปิดช่องโหว่ให้ข้อมูลถูกนำไปใช้ผิดขอบเขต
- Agent Mode จะไม่เข้าถึงรหัสผ่านและวิธีชำระเงินที่บันทึกไว้โดยอัตโนมัติ และจะหยุดการทำงานเมื่อถึงขั้นตอนที่มีความอ่อนไหว เพื่อให้ผู้ใช้ยืนยันอย่างชัดเจน
Microsoft ระบุว่าแนวทางป้องกันเหล่านี้ไม่ใช่ “ส่วนเสริม” แต่เป็นรากฐานของ Edge for Business ตั้งแต่วันแรก และออกแบบมาสำหรับการท่องเว็บด้วย AI โดยเฉพาะ
ตั้งแต่วันที่ประกาศ ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้ Copilot Mode ผ่าน Edge management service เพื่อเริ่มใช้งานหน้าแท็บใหม่สไตล์ Copilot ได้ทันที ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ อยู่ในสถานะ private preview และจะเปิด public preview ในเดือนกุมภาพันธ์ 2026 ทั้งบน Windows, macOS, iOS และ Android
ฐานความเชื่อมั่น: Edge for Business และ Microsoft ในรายงาน IDC
ในบทความ Microsoft ย้ำว่าความแตกต่างของ Edge for Business เมื่อเทียบกับเบราว์เซอร์อื่นในตลาดไม่ได้มีเพียงฟีเจอร์ AI ใหม่ แต่ยังมาจากพื้นฐานด้านความปลอดภัยของเบราว์เซอร์องค์กรด้วย Microsoft ได้รับการจัดอันดับเป็นผู้นำ (Leader) ในรายงาน IDC MarketScape: Worldwide Application Streaming and Enterprise Browsers 2025 Vendor Assessment เมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 และยังได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำด้านความปลอดภัย การยืนยันตัวตน การจัดการอุปกรณ์ปลายทาง และแพลตฟอร์ม Zero Trust
เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ Edge for Business ทำให้ Microsoft มองว่าองค์กรจะได้รับ “ความปลอดภัยในทุกชั้นของสแตกเบราว์เซอร์” ควบคู่กับความสามารถด้าน AI
การปกป้องการท่องเว็บของผู้รับจ้าง (contractors)
นอกจากการท่องเว็บด้วย AI แล้ว Microsoft ยังมองว่าการท่องเว็บในชีวิตประจำวันของผู้รับจ้างเป็นอีกจุดเสี่ยงที่ต้องจัดการให้ดี โดยเฉพาะกรณีที่อุปกรณ์อยู่ภายใต้การจัดการของบริษัทคู่สัญญา ไม่ใช่องค์กรเจ้าของข้อมูลโดยตรง ทำให้เกิดความท้าทายด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด
ในเวอร์ชันใหม่นี้ Edge for Business ขยายความสามารถดังนี้
- ผู้ดูแลระบบสามารถรองรับการใช้งาน BYOD ผ่าน Edge for Business และ Microsoft Intune app protection policies ได้แล้ว และอัปเดตล่าสุดช่วยขยายขอบเขตการป้องกันมายังพีซี Windows ที่ถูกจัดการโดยองค์กรอื่น
- ผู้รับจ้างสามารถตั้งค่า Edge profile บนอุปกรณ์ที่ถูกจัดการโดยเอเจนซี เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมเบราว์เซอร์ที่ควบคุมได้เฉพาะสำหรับการทำงานกับองค์กรลูกค้า
- เมื่อดาวน์โหลดไฟล์ ระบบจะบันทึกไปยัง OneDrive for Business แทนที่จะเซฟลงดิสก์โลคัล
- มีนโยบาย Intune ใหม่สำหรับอุปกรณ์ Windows ที่ไม่ได้ลงทะเบียน (unenrolled devices) เพื่อจำกัดการคัดลอกข้อมูล ป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญหลุดออกนอกรั้วที่กำหนด
ความสามารถด้านการป้องกันอุปกรณ์ของผู้รับจ้างมีกำหนดเข้าสู่สถานะพรีวิวช่วงต้นปี 2026
Watermarking สำหรับไฟล์และเว็บไซต์ที่อ่อนไหว
เพื่อช่วยให้ฝ่าย IT ปกป้องข้อมูลโดยไม่ขัดกับการทำงานของผู้ใช้ Microsoft เพิ่มฟีเจอร์ watermarking ใน Edge for Business เพื่อใช้กับไฟล์และเว็บไซต์ที่ถูกจัดหมวดเป็นข้อมูลอ่อนไหว
- Watermarking จะเพิ่มโอเวอร์เลย์แสดงข้อความเตือนบนหน้าจออย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าเนื้อหานั้นเป็นข้อมูลสำคัญหรือลับ
- ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้งาน watermarking ด้วยสวิตช์เดียวใน Edge management service
- ลักษณะของ overlay จะอิงตามนโยบาย Data Loss Prevention (DLP) ที่กำกับไฟล์หรือเว็บไซต์นั้นอยู่ ทำให้สอดคล้องกับนโยบายขององค์กรโดยอัตโนมัติ
ฟีเจอร์ watermarking เปิดให้ใช้งานในสถานะพรีวิวแล้ว
Protected Clipboard ป้องกันการคัดลอก – วางข้ามขอบเขตข้อมูล
การควบคุมการคัดลอกและวาง (copy/paste) เป็นอีกจุดที่องค์กรต้องเผชิญกับการเลือกแบบสุดโต่ง จะปิดทั้งหมดก็ทำให้ผู้ใช้ทำงานได้ยาก จะเปิดทั้งหมดก็เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล Microsoft จึงเปิดตัว Protected Clipboard ใน Edge for Business
- Protected Clipboard ใช้นโยบาย DLP ของ Microsoft Purview สำหรับแอปคลาวด์ที่มีการจัดการ เพื่อกำหนด “ขอบเขตที่เชื่อถือได้” ของข้อมูลภายในเว็บแอปที่องค์กรจัดการ
- ข้อมูลที่อยู่ภายในขอบเขตที่กำหนดไม่สามารถถูกวางออกไปยังบริบทนอกขอบเขตได้ ขณะที่ข้อมูลจากภายนอกสามารถถูกนำเข้ามาภายในได้ตามที่องค์กรกำหนด
- หากผู้ใช้พยายามวางข้อมูลออกนอกขอบเขต ระบบจะแสดงคำเตือนอย่างชัดเจน ทำให้ผู้ใช้เข้าใจว่าสิ่งใดได้รับอนุญาตหรือไม่
Protected Clipboard เปิดให้ใช้งานในสถานะพรีวิวแล้วเช่นกัน
การจัดการนโยบายข้ามแพลตฟอร์มผ่าน Edge management service
Microsoft ยอมรับว่าการจัดการนโยบายของเบราว์เซอร์ข้ามแพลตฟอร์มต่างๆ อาจซับซ้อน Edge management service จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นเครื่องมือจัดการเบราว์เซอร์ที่มีน้ำหนักเบา เน้นด้านความปลอดภัย และใช้งานได้จริงในทางปฏิบัติ เดิมทีการจัดการผ่านบริการนี้รองรับเฉพาะ Windows แต่ประกาศล่าสุดขยายขอบเขตไปยังแพลตฟอร์มอื่นด้วย
- ด้วยนโยบายแบบข้ามแพลตฟอร์มใน Microsoft 365 admin center ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการ Edge บน Windows, macOS, iOS และ Android จากแดชบอร์ดเดียว
- สามารถเลือกแพลตฟอร์มที่ต้องการ กำหนดนโยบายรวมในภาพใหญ่ หรือปรับแต่งระดับรายละเอียดรายกลุ่มหรือรายอุปกรณ์ได้
- เป้าหมายคือการรักษาความสม่ำเสมอด้านความปลอดภัย โดยไม่ต้องสลับเครื่องมือหลายชุด
ฟีเจอร์การจัดการข้ามแพลตฟอร์มนี้มีสถานะพร้อมใช้งานในพรีวิวแล้ว
Enterprise preview: ทดสอบเวอร์ชัน Beta ในแอป Stable ตัวเดียว
การทดสอบเวอร์ชันก่อนออกจริง (prerelease builds) มักสร้างภาระให้ทั้งผู้ใช้และผู้ดูแลระบบ เพราะต้องติดตั้งแอป Beta แยกจาก Stable ทำให้การมีส่วนร่วมในการทดสอบต่ำ และหากเกิดปัญหาอาจส่งผลต่อการทำงานเต็มรูปแบบ
Edge for Business จึงเพิ่มแนวทางใหม่ด้วย Enterprise preview ให้ build แบบ Beta อยู่ภายในแอป Edge Stable ตัวเดิม
- ผู้ดูแลระบบไม่ต้องติดตั้งแอปเพิ่ม ผู้ใช้ไม่ต้องสลับแอปไปมาในการทดสอบ
- องค์กรสามารถตรวจจับปัญหาย้อนกลับ (regressions) ได้เร็วขึ้น ทำให้มีเวลาแก้ไขก่อนที่เวอร์ชันจริงจะกระทบการทำงาน
- ผ่าน Edge management service และ Intune ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดนโยบายว่าใครจะได้รับ build พรีวิว และกำหนดได้ว่าผู้ใช้สามารถ rollback กลับไปเวอร์ชัน Stable ได้หรือไม่
Microsoft ระบุว่า Enterprise preview จะพร้อมใช้งานในสถานะพรีวิวภายในสิ้นปีนี้
Extension monitoring: ควบคุมความเสี่ยงจากส่วนขยายเบราว์เซอร์
ส่วนขยายเบราว์เซอร์ (extensions) เป็นอีกแหล่งความเสี่ยงในสภาพแวดล้อมองค์กร ผู้ดูแลระบบมักไม่มีภาพรวมที่ชัดเจนว่าในเบราว์เซอร์ของพนักงานมีส่วนขยายใดติดตั้งอยู่บ้าง และมีจำนวนผู้ใช้เท่าใด
Edge for Business เพิ่มความสามารถด้าน extension monitoring ผ่าน Edge management service เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและควบคุมความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น
- ผู้ดูแลระบบสามารถดูรายการส่วนขยายทั้งหมดที่ติดตั้งอยู่ใน Edge for Business เห็นจำนวนผู้ใช้ต่อส่วนขยาย และติดตามคำขอของผู้ใช้ที่ต้องการติดตั้งส่วนขยายที่ถูกบล็อก
- สามารถจัดการคำขอเหล่านั้นและกำหนดนโยบายการติดตั้งส่วนขยายได้จากหน้าเดียว
- ฟีเจอร์นี้ช่วยแปลงการจัดการส่วนขยายจากรูปแบบ “ป้องกันเมื่อเกิดเหตุ” ไปเป็น “การจัดการเชิงรุก”
Microsoft ระบุว่า extension monitoring จะพร้อมใช้งานในสถานะพรีวิวช่วงต้นปี 2026
การเริ่มต้นใช้งาน Edge for Business ในฐานะ secure enterprise AI browser
ท้ายบทความ Microsoft เชิญชวนให้องค์กรเริ่มทดลองฟีเจอร์ใหม่ของ Edge for Business โดยสรุปแนวทางเริ่มต้นไว้ดังนี้
- เปิด Copilot Mode ใน Edge for Business เพื่อใช้งานหน้าแท็บใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Copilot และเริ่มทดลองการท่องเว็บด้วย AI ภายใต้กรอบความปลอดภัยขององค์กร
- ทดสอบ Copilot Mode เวอร์ชันสำหรับผู้บริโภคบน Edge ในวันนี้ เพื่อสัมผัสฟีเจอร์ AI ที่จะทยอยมาสู่ Edge for Business ในภายหลัง
- ดาวน์โหลดเอกสารสรุป IDC MarketScape เกี่ยวกับ Edge for Business เพื่อดูรายละเอียดการประเมินในมุมมองของบุคคลที่สาม
- ใช้คู่มือที่จัดทำโดยผู้เชี่ยวชาญของ Microsoft เพื่อกำหนดค่า Edge เป็น secure enterprise browser ที่ตอบโจทย์องค์กร
โดยภาพรวม การประกาศครั้งนี้ไม่ได้สร้าง Edge for Business ขึ้นมาใหม่ แต่เป็นการยกระดับ Edge for Business ที่องค์กรใช้งานอยู่แล้วให้กลายเป็น “secure enterprise AI browser” อย่างเต็มรูปแบบ ผสานความสามารถ AI ระดับลึกเข้ากับรากฐานด้านความปลอดภัย การปฏิบัติตามข้อกำหนด และการจัดการนโยบายที่องค์กรคุ้นเคย
ที่มา: Microsoft Edge Blog