LINE ลบข้อความที่ส่งไปแล้วได้แล้ว ไลน์เพิ่มฟีเจอร์ Unsend ลบได้แบบทั้งคนส่งและคนรับ

ฟีเจอร์ที่รอคอยลบข้อความได้ทั้งคนส่งและคนรับภายใน 24 ชั่วโมง ยกเลิกข้อความไลน์

เป็นคำถามที่หลายคนที่ใช้งาน LINE เคยถามกันมามากมาย ว่าเราสามารถลบข้อความฝังคนรับได้หรือไม่ ซึ่งเมื่อก่อนตอบได้เลยว่าไม่ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าการใช้งาน LINE จะเปลี่ยนไปแล้ว เพราะไลน์ได้เพิ่งเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ที่มีชื่อว่า Unsend (ยกเลิกข้อความ) ฟีเจอร์นี้เองที่จะมาตอบโจทย์เรื่องนี้ทั้งหมด

ฟีเจอร์ Unsend ก็ไม่มีอะไรซับซ่อนมันก็แปลตรงตัวว่า “ไม่ส่ง” หมายถึงข้อความใดข้อความหนึ่งที่เราพิมพ์ไปแล้ว ไม่ว่าจะ “อ่านแล้ว” หรือ “ยังไม่ได้อ่าน” ผู้ใช้สามารถแตะค้างที่ข้อความนั้นๆแล้วเลือก “Unsend” เพื่อลบข้อความนั้นๆออก ซึ่งต่างจากฟีเจอร์เดิม “Delete” หรือ “ลบ” ที่ลบเพียงฝังเรา แต่ Unsend จะลบออกจากผู้ส่งและผู้รับ ทำให้อีกฝ่ายไม่รู้ว่าเราส่งข้อความอะไร แต่! การลบดังกล่าวยังคงเหลือร่องรอยอยู่บ้างคือ จะมีข้อความ “ํYou unsent a message.” ไว้อยู่

เงื่อนไขการใข้งานฟีเจอร์ Unsend คือเราจะสามารถลบข้อความใดๆได้ก็ต่อเมื่อข้อความที่ส่งไปนั้นต้องไม่เกินภายระยะเวลา 24 ชั่วโมง โดยจะลบได้หมดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, ข้อความ, สติ๊กเกอร์, วีดีโอ, เสียง หรืออื่นๆ ทั้งข้อความที่ผู้รับอ่านแล้วหรือยังไม่ได้อ่าน สามารถใช้งานได้ใน LINE PC และแอพบนมือถือทั้ง Android และ iOS ลบได้ในหน้าแชทแบบแชทตัวต่อตัวหรือแบบกลุ่ม

ถึงแม้ว่าเราสามารถลบข้อความที่เราไม่ตั้งใจจะส่งได้ในฟีเจอร์ Unsend (ยกเลิกข้อความ) แต่ข้อควรระวังและ LINE ได้แจ้งเอาไว้ว่าข้อความที่ขึ้นบนหน้าจอมือถือแจ้งเตือนหรือ notification จะไม่ถูกลบออกไปด้วย นั้นหมายความว่าผู้รับจะสามารถอ่านข้อความจากการแจ้งเตือนหน้าจอได้อยู่ เพราะเอาจริงๆแล้วระบบจะส่งข้อความไปยังการแจ้งเตือนทันที ที่มีข้อความเข้ามา ทำให้ข้อความนั้นถูกเก็บไว้ในส่วนของแจ้งเตือนบนหน้าจออยู่ ผู้รับก็ยังสามารถอ่านข้อความที่เราส่งไปได้ผ่านการแจ้งเตือน และหากผู้รับยังคงใช้งาน LINE เวอร์ชั่นเก่า ฟีเจอร์ดังกล่าวจะไม่สามารถไปลบข้อความฝังคนรับได้เช่นเดียวกัน นั้นหมายความว่า หากจะให้สมบูรณ์ผู้รับต้องใช้ไลน์เวอร์ชั่นใหม่ด้วย

ฟีเจอร์ดังกล่าวสามารถใช้งานได้บ้างแล้วสำหรับผู้ที่อัพเดทเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด สำหรับใครที่ยังไม่สามารถใช้งานได้ต้องทำการอัพเดทให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดก่อน (iOS ผมยังไม่มีการแจ้งการอัพเดท ทำให้ยังใช้ไม่ได้) ส่วนใครที่เป็นเหมือนผมที่ยังไม่แจ้งการอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่ คงต้องรออย่างเดียวครับ

ที่มา – Blog LINE