Optical Switch คืออะไร พร้อมอธิบายรูปแบบคีย์บอร์ดมีกี่แบบ

รู้จักกับ Optical Switch อีกหนึ่งรูปแบบใหม่ของ Keyboard


ผมว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินเรื่อง Keyboard Optical Switch มาไม่มากก็น้อย ยิ่งเป็นเหล่าเกมเมอร์แล้วละก็ น่าจะคุ้นเคยกันดี แต่สำหรับใครที่ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับ Optical Switch เลย วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกันไปพร้อมๆกันครับ

SIGNO GAMING MECHANICAL KB-778 [MAXIMUS] ก่อนที่เราจะมารู้จักกับ Optical Switch เรามารู้จักกับเทคโนโลยี Switch หรือปุ่มกดที่มีบนคีย์บอร์ดกันก่อนดีกว่า ว่ามันมีอะไรบ้าง และ Optical Switch ไปอยู่ในส่วนไหนการพัฒนาเรื่องของปุ่มกดบนคีย์บอร์ด คีย์บอร์ดที่เราใช้ๆกันอยู่ ส่วนใหญ่เลยจะแบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกันได้แก่ Rubber Dome, Scissor Switch และ Mechanical Keyboard

Rubber Dome คืออะไร

Rubber Dome หรือปุ่มยาง เราน่าจะคุ้นเคยกับดี เพราะคีย์บอร์ดแบบ Rubber Dome เป็นคีย์บอร์ดทั่วไปที่เราใช้กันอยู่ รูปแบบการทำงานของมันก็ไม่มีอะไรมาก คือจะมีปุ่มยางที่เป็นลักษณะโดมขวางระหว่างขั่วสองขั่น เมื่อเรากดปุ่ม ที่คีย์บอร์ดขั่วสองขั่วจะมาชน และเมื่อเราปล่อยปุ่ม มันจะเด่งขึ้นมาตามลักษณะโดมของปุ่มยาง ดังรูปด้านล่าง

Rubber dome

Scissor Switch คืออะไร

Scissor Switch

เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่พัฒนาต่อมาต่อยอดมาจาก Rubber Dome แต่จะเปลี่ยนจากโดมยาง เป็นพลาสติกไขว้กันลักษณะคล้ายกับกรรไก และด้วยรูปแบบการทำงานและลักษระทางกายภาพระยะกดของคีย์บอร์ดแบบ Scissor Switch จึงมีระยะกดที่สั้นและมีเสียงเบากว่าคีบอร์ดแบบ Rubber Dome โดยที่ไม่ต้องออกแรงกดมาก เราจะเห็นคีบอร์ดแบบ Scissor Switch ในโน้ตบุ๊คเสียเป็นส่วนใหญ่

Mechanical Switch คืออะไร

สำหรับ Mechanical Switch Keyboard ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่พัฒนาขึ้นมาของคีย์บอร์ดเพื่อตอบสนองความต้องการ ที่ว่าให้คีย์บอร์ดมีการตอบสนองที่ไว เหมาะสำหรับเกมเมอร์มากขึ้นจึงมีการพัฒนา Mechanical Keyboard ขึ้นมา Mechanical Keyboard ถูกพัฒนาขึ้นโดย บริษัท Cherry Corp จะเป็นการใช้สปิงกับปุ่มกด (เมื่อกดสปิงก็จะถูกกดลงไป ปล่อยก็เด่งขึ้นมาแบบเดิม) และมีความเร็วในเรื่องของการตอบสนองที่ดี จึงเป็นที่นิยมมากๆในหมู่นักเล่นเกม ลักณะการทำงานก็จะคล้ายแบบ Rubber Dome คือให้ขั่วมาชนกันต่างกันที่ชนกันแบบไหน และลักษณะการเด้งของปุ่ม ดังรูปด้านล่าง

Mechanical Switch

ปุ่ม Mechanical Switch ของบริษัท Cherry Corp จะแบ่งออกเป็นรุ่นให้เลือก โดยจะจำแนกรุ่นเป็นสีๆไปได้แก่ Cherry MX Brown, Cherry MX Red, Cherry MX Blue, Cherry MX Black และ Cherry MX Clear  ทั้งหมดจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันได้แก่

  1. Linear Switch มี Cheery MX Brown Switch และ Cheery MX Blue Switch ปุ่มหรือ Switch สองสีนี้จะมีคุณสมบัติเรื่องของแรงต้านคงที่ ตลอดของการกด
  2. Tactile Switch มี Cheery MX Brown Switch, Cheery MX Blue Switch รวมถึง Cheery MX White Switch จะมีคุณสมบัติให้ความรู้สึกถึงความสัมผัส มากขึ้น แรงต้านไม่เท่ากันตลอดระยะเวลาการกด

และ Switch ก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป โดยผมจะไม่ขอพูดในบทความนี้ เพราะมันจะยาวไป หากใครสนใจก็ลองเอาสีแต่ละสีไปหาข้อมูลกันดู น่าจะพอทราบรายละเอียดความต่างกันแบบคร่าวๆกันบ้าง

หมายเหตุ : Cheery ได้เปิดเปิดตัว MX Speed เป็นอีกหนึ่งสวิทช์ที่มีความเร็วสูงมากอีกหนึ่งซีรีส์ของ Cherry

Optical Switch Keyboard คืออะไร

คราวนี้มาถึงพระเอกของเราอย่าง Optical Switch ที่พูดถึงตั้งแต่ต้นบทความ แต่กว่าจะกล่าวถึงมันได้ ก็ล่อไปซะยืดยาว ที่ผมไม่จำแหนก Optical Switch ออกมาเป็นอีกประเภทของคีย์บอร์ดที่กล่าวมา เพราะคิดว่า Optical Switch จริงๆแล้วก็เป็นส่วนหนึ่งของ Mechanical Switch Keyboard เพียงแต่พัฒนารูปแบบการสัมผัสของขั่วที่ต่างกันออกไป  พูดไปคร่าวๆแล้วเรามารู้จัก Optical Switch กันดีกว่าครับ

Optical Switch เป็น Switch ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Mechanical Keyboard ที่จากเดิม Mechanical Keyboard ใช้สปิงในการทำให้ขั่วสองขั่วขนกัน แต่ Optical Switch เมื่อกดปุ่มสปิงจะเปิดช่องให้แสงชนกับขั่วอีกข้าง คล้ายกับเป็นขั่วสองขั่วชนแทน หากจะให้เห็นภาพก็คงจะคล้ายๆกับ Optical mouse ดังภาพด้านล่าง

optical switch keyboard

ก่อนจะพูดถึงรายละเอียดของ Optical Switch เรามาดูข้อดีของ Optical Switch Keyboard กันก่อนดีกว่า คุณสมบัติที่เด่นของ Optical Switch Keyboard คือเรื่องของการตอบสนองที่เร็ว แต่หากใช้งานตามปกติอาจจะแทบดูไม่ต่างจาก Mechanical Switch หรือไม่รู้สึกเพราะมันเป็นระดับแค่เสี้ยววินาที เรื่องความคงทนเป็นอีกหนึ่งที่ทางผู้พัฒนาเคลมมาว่าคงทนกว่ารุ่นอื่นๆ ที่ได้กล่าวมา เพราะไมมีการกระทบกันหรือเสียดสีของขั่วทั้งสอง

Mechanical Switch แบ่งออกเป็น 2 ปรเภทใหญ่ด้วยกัน

ถึงจะแบ่งแยกออกมาแล้วแต่ Mechanical Switch ก็ยังแบ่งย่อยออกมาอีกเป็น 2 ปรเภทด้วยกันได้แก่ Light Strike Switch (LK Switch) และ Flaretech Switch (Adomax)

  1. Light Strike Switch (LK Switch) หากจะให้อธิบายของสวิชดังกล่าวก็คงเป็นสวิช Optical Switch ที่ผมกล่าวก่อนหน้านี้ รูปแบบของ Light Strike Switch จะใช้สปิงเป็นตัวต้านและส่งปุ่มไปอยู่ด้านบน โดยเมื่อกดลงไป จะเปิดช่องให้แสงไปกระทบเซนเซอร์อีกด้าน ดังภาพด้านบนที่กล่าวมาแล้ว
  2. Flaretech Switch เป็นสวิชที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ คีย์บอร์ดที่เป็นแบบ Optical Switch รุ่นใหม่ๆจะใช้แบบ Flaretech Switch โดย Flaretech Switch คล้ายกันตรงที่มีการยิงแสงเพื่อไปแตะเซนเซอร์อีกฝัง Light Strike Switch จะยิงเป็นแนวขวาง แต่ Flaretech Switch จะยิงแสงเป็นแนวตั้ง ซึ่งความตอบสนองดีกว่า
    Flaretech Switch
    คุณสมบัติอีกอย่างของ Flaretech Switch คือสามารถวัดระยะการกดของเราได้ เพราะเป็นแบบแนวตั้ง ต่างจากแนวขวางที่จะรับรู้แค่ปิดหรือเปิด การวัดระยะการกด จะทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าเรากดไปแรงเท่าไหร่ เพราะมันอาจต่อยอดไปพัฒนาเกมที่ต้องการแรงกดหรือระยะการกดของคึย์บอร์ดได้ เช่นเกมแข่งรถ หรือการปาสิ่งของ เป็นต้น

เป็นอย่างไรกันบ้างครับเรื่องของการพัฒนาคีย์บอร์ดที่เราใช้ๆกันอยู่ หลายคนที่ใช้งานทั่วๆไป อาจจะไม่ทราบเรื่องพวกนี้ แต่อย่างที่บอกแค่ปุ่มคีย์บอร์ดที่เอาไว้กด input เข้าคอมพิวเตอร์ ก็มีความสำคัญและถูกพัฒนาขึ้้นมาเลื่อยๆ และที่สำคัญ มีผู้สนใจและยินดีซื้อ หากคีย์บอร์ดดังกล่าวตอบสนองความต้องการของเขาได้ โดยเฉพาะเหล่าเกมเมอร์ต่าง

About modify 4850 Articles
สามารถนำบทความไปเผยแพร่ได้อย่างอิสระ โดยกล่าวถึงแหล่งที่มา เป็นลิงค์กลับมายังบทความนั้นๆ บทความอาจมีการพิมพ์ตกเรื่องภาษาไปบ้าง ต้องขออภัย พยามจะพิมพ์ผิดให้น้อยที่สุด (ทำเว็บคนเดียวไม่มีคนตรวจทาน) บทความที่สอนเรื่องต่างๆ กรุณาอ่านบทความให้เข้าใจก่อนโพสต์ถาม ติดตรงไหนสามารถถามได้ที่โพสต์นั้นๆ

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.