Discharge Battery คืออะไร ทำอย่างไร ทำไมต้องทำ discharged ก่อนทิ้งแบตเตอรี่

แบตเตอรี่ iPhone logo

ความหมายของ Discharge Battery ทำไมมีความสำคัญต้องทำอย่างไร


บทความนี้จะขอพูดถึงเรื่องของ Discharge Battery ว่ามีความหมายอย่างไร ต่างกับการ Charge อย่างไร และทำไมบางทีเห็นคำว่า Discharge อยู่ในขบวนการการทิ้งแบตเตอรี่ด้วย เรามาทำความรู้จักคำว่า “Discharge Battery” กัน

แบตเตอรี่ iPhone เสื่อมสภาพ

Discharge Battery คืออะไร

การ “Discharge” แบตเตอรี่ หมายถึงกระบวนการที่แบตเตอรี่ปล่อยพลังงานไฟฟ้าออกมาเพื่อจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกับมัน กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนพลังงานเคมีที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า

แบตเตอรี่แต่ละชนิดมีการทำงานของการ discharge ที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุที่ใช้ในการผลิตและการออกแบบ เช่น แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion) แบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ (NiMH) หรือแบตเตอรี่ตะกั่วกรด (Lead-acid) ระหว่างการ discharge แบตเตอรี่จะมีการลดระดับพลังงานที่เก็บไว้อยู่ ซึ่งถ้าใช้พลังงานจนหมด แบตเตอรี่อาจจะต้องชาร์จใหม่หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ขึ้นอยู่กับประเภทของแบตเตอรี่

ในทางเทคนิค กระบวนการ discharge เกี่ยวข้องกับการปล่อยอิเล็กตรอนจากขั้วลบ (anode) ผ่านวงจรภายนอกไปยังขั้วบวก (cathode) ซึ่งจะสร้างกระแสไฟฟ้าในการใช้งาน

โครงสร้างพื้นฐานของแบตเตอรี่

แบตเตอรี่ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วนคือ

  1. ขั้วลบ (Anode) ที่ปล่อยอิเล็กตรอนออกมาเมื่อแบตเตอรี่ทำงาน
  2. ขั้วบวก (Cathode) ที่รับอิเล็กตรอนเมื่อแบตเตอรี่ทำงาน
  3. อิเล็กโทรไลต์ (Electrolyte) ที่เป็นตัวกลางให้ไอออนเคลื่อนที่ระหว่างขั้วลบและขั้วบวก

กระบวนการ Discharge

  1. เริ่มต้นการทำงาน เมื่ออุปกรณ์ไฟฟ้าถูกเชื่อมต่อกับแบตเตอรี่ วงจรไฟฟ้าจะถูกสร้างขึ้น ทำให้อิเล็กตรอนเริ่มเคลื่อนที่จากขั้วลบไปยังขั้วบวกผ่านวงจรภายนอก (เช่น ตัวอุปกรณ์ที่ใช้พลังงาน)
  2. การปล่อยอิเล็กตรอน ที่ขั้วลบจะเกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ปล่อยอิเล็กตรอนออกมา อิเล็กตรอนเหล่านี้จะเคลื่อนที่ผ่านวงจรภายนอกไปยังขั้วบวก
  3. การเคลื่อนที่ของไอออน ในขณะเดียวกัน ไอออนที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีที่ขั้วลบจะเคลื่อนที่ผ่านอิเล็กโทรไลต์ไปยังขั้วบวก เพื่อให้กระบวนการเคมีที่ขั้วบวกสามารถรับอิเล็กตรอนได้

การหมดพลังงาน

เมื่อแบตเตอรี่ปล่อยอิเล็กตรอนออกมาไปจนหมด กระบวนการเคมีที่เกิดขึ้นจะหยุดทำงาน ทำให้แบตเตอรี่ไม่สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้อีก กระบวนการนี้เรียกว่าแบตเตอรี่ “หมดพลังงาน” หรือ “discharged”

เท่ากับว่าในในความของหมดความที่เกี่ยวกับแบตเตอรี่ discharged กับ discharge มีความหมายที่แตกต่างกันเล็กน้อยคือ

  • Discharge หมายถึง กระบวนการที่แบตเตอรี่กำลังปล่อยประจุไฟฟ้าออกมา
  • Discharged หมายถึง แบตเตอรี่ที่พลังงานหมดแล้วหรือได้ปล่อยประจุไฟฟ้าออกไปหมดแล้ว

ทำไมหลายที่แนะนำให้ Discharged แบตเตอรี่ก่อนทิ้ง

ดังที่กล่าวมาแล้วว่าการ discharge แบตเตอรี่ คือการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่ออกมาเพื่อใช้งานกับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือรถยนต์ เป็นการปล่อยพลังงานจากแบตเตอรี่ออกมาใช้งานจนพลังงานในแบตเตอรี่หมด แล้วทำไมต้องใช้แบตฯให้หมดก่อนทิ้งด้วย

ทำไมต้องใช้แบตเตอรี่ให้หมดก่อนทิ้งมีความสำคัญเนื่องจากเหตุผลหลายประการ ดังนี้

  1. ความปลอดภัย แบตเตอรี่ที่ยังมีประจุไฟฟ้าอยู่สามารถเกิดการลัดวงจรหรือระเบิดได้เมื่อถูกทิ้งไปพร้อมกับขยะอื่น ๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม การ discharge แบตเตอรี่ให้หมดก่อนทิ้งจะช่วยลดความเสี่ยงนี้
  2. ป้องกันการรั่วไหลของสารเคมี แบตเตอรี่บางชนิดมีสารเคมีที่อาจเป็นพิษ เช่น แบตเตอรี่ตะกั่วกรดหรือแบตเตอรี่ลิเธียม การ discharge แบตเตอรี่ให้หมดก่อนทิ้งจะช่วยลดความเสี่ยงที่สารเคมีเหล่านี้จะรั่วไหลออกมาจากแบตเตอรี่
  3. การนำกลับมาใช้ใหม่ การ discharge แบตเตอรี่ก่อนทิ้งจะช่วยในการเตรียมแบตเตอรี่สำหรับการรีไซเคิล ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยลดปริมาณขยะและช่วยนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่
  4. ลดความเสี่ยงการเกิดไฟไหม้ แบตเตอรี่ที่ยังมีประจุไฟฟ้าอยู่สามารถเกิดความร้อนสูงหากสัมผัสกับวัตถุโลหะหรือสารที่เป็นสื่อไฟฟ้า ซึ่งอาจก่อให้เกิดไฟไหม้ได้

การ discharge แบตเตอรี่ก่อนทิ้งจึงเป็นการปฏิบัติที่ดีเพื่อความปลอดภัยและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

การ discharge ปล่อยประจุแบตเตอรี่

  • ใช้เครื่องชาร์จที่มีฟังก์ชันปล่อยประจุ
    • เชื่อมต่อแบตเตอรี่กับเครื่องชาร์จที่มีฟังก์ชันปล่อยประจุ
    • ตั้งค่าเครื่องชาร์จให้ปล่อยประจุจนถึง 0 โวลต์ และตั้งค่าความเร็วในการปล่อยประจุตามที่ระบุบนแบตเตอรี่
    • ปล่อยให้แบตเตอรี่ปล่อยประจุจนหมด
  • ใช้วิธีน้ำเกลือ (สำหรับแบตเตอรี่ LiPo)
    • ตัดขั้วต่อและสายไฟออกจากแบตเตอรี่
    • ใส่เกลือลงในน้ำในภาชนะที่ไม่ติดไฟและคนให้เข้ากัน
    • ใส่แบตเตอรี่ลงในน้ำเกลือและรอจนกว่าจะไม่มีฟองอากาศออกมาจากสายไฟ
    • ทิ้งแบตเตอรี่ในน้ำเกลือไว้ประมาณ 3 วันหรือจนกว่าจะไม่มีฟองอากาศออกมา
    • นำแบตเตอรี่ออกมาและตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าด้วยมัลติมิเตอร์ ควรจะต่ำมากประมาณ 0.07 โวลต์
  • นำไปที่ศูนย์รับทิ้งแบตเตอรี่
    • หากไม่สามารถปล่อยประจุได้เอง ควรนำแบตเตอรี่ไปที่ศูนย์รับทิ้งแบตเตอรี่ที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดการแบตเตอรี่
About modify 6170 Articles
สามารถนำบทความไปเผยแพร่ได้อย่างอิสระ โดยกล่าวถึงแหล่งที่มา เป็นลิงค์กลับมายังบทความนั้นๆ บทความอาจมีการพิมพ์ตกเรื่องภาษาไปบ้าง ต้องขออภัย พยามจะพิมพ์ผิดให้น้อยที่สุด (ทำเว็บคนเดียวไม่มีคนตรวจทาน) บทความที่สอนเรื่องต่างๆ กรุณาอ่านบทความให้เข้าใจก่อนโพสต์ถาม ติดตรงไหนสามารถถามได้ที่โพสต์นั้นๆ

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.