สรุปผลประกอบการ Tesla ไตรมาสที่ 4 ปี 2024
Tesla รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2024 โดยมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่ารายได้รวมจะเพิ่มขึ้น 2% อยู่ที่ 25.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากธุรกิจพลังงานที่เติบโตอย่างมาก
ผลประกอบการและตัวเลขสำคัญ
- รายได้รวม : 25.7 พันล้านดอลลาร์ (+2% YoY)
- รายได้จากการขายรถยนต์ : 19.8 พันล้านดอลลาร์ (-8% YoY)
- ธุรกิจพลังงานและการจัดเก็บพลังงาน : 3.06 พันล้านดอลลาร์ (+113% YoY)
- กำไรจากการดำเนินงาน : 1.6 พันล้านดอลลาร์ (-23% YoY)
- กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) : 2.0 พันล้านดอลลาร์
- เงินสดและการลงทุน : 36.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7.5 พันล้านดอลลาร์จากปีก่อน
Tesla ระบุว่าต้นทุนต่อคัน (COGS per vehicle) ลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เหลือต่ำกว่า 35,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลจากการลดต้นทุนวัตถุดิบและกระบวนการผลิต
การผลิตและยอดขายรถยนต์
- Tesla ผลิตรถยนต์ได้ 459,445 คัน ในไตรมาสที่ 4 ลดลง 7%
- ส่งมอบรถยนต์ 495,570 คัน เพิ่มขึ้น 2% โดย Model Y ยังคงเป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดทั่วโลก
- Cybertruck เริ่มการผลิตเต็มรูปแบบ และมีแผนขยายกำลังผลิตในปี 2025
ธุรกิจพลังงานเติบโตอย่างมาก
Tesla รายงานว่าธุรกิจพลังงานของบริษัททำสถิติสูงสุดในไตรมาสที่ 4 โดยมีการติดตั้งระบบ Powerwall และ Megapack รวม 11.0 GWh ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปีก่อน พร้อมกันนี้ โรงงาน Megafactory Shanghai ได้สร้างเสร็จและจะเริ่มเดินเครื่องผลิตเต็มกำลังในปี 2025
เทคโนโลยี AI และระบบขับขี่อัตโนมัติ
Tesla ยังคงลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยี AI และระบบขับขี่อัตโนมัติ (FSD – Supervised)
- จำนวนไมล์ที่ขับด้วย FSD สะสมแล้วกว่า 3 พันล้านไมล์
- ระบบ AI Compute เพิ่มขึ้นกว่า 400% ในปี 2024
- Tesla คาดว่า FSD จะสามารถใช้งานแบบ ไร้การควบคุม (Unsupervised FSD) ได้ภายในปี 2025
นอกจากนี้ โครงการ Robotaxi หรือ Cybercab ซึ่งเป็นรถยนต์ไร้คนขับโดยเฉพาะ คาดว่าจะเริ่มทดลองใช้งานในบางพื้นที่ของสหรัฐฯ ภายในปีนี้ และเตรียมเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2026
Tesla ตั้งเป้าหมายให้ ธุรกิจรถยนต์กลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2025 โดยมีปัจจัยหนุนจากการขยายเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติและการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีราคาถูกลง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตในช่วงครึ่งแรกของปี 2025
นอกจากนี้ Tesla ยังคาดการณ์ว่า ธุรกิจพลังงานจะเติบโตอย่างน้อย 50% ในปี 2025 และวางแผนขยายเครือข่าย Supercharger อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า
แม้ว่ากำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 จะลดลง แต่ Tesla ยังคงมีเงินสดสำรองที่แข็งแกร่งและมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยี AI ได้ในระยะยาว

ที่มา – Tesla
Leave a Reply