X ปรับเงื่อนไขบริการและยื่นฟ้องแย้ง ยืนยันสิทธิ์เครื่องหมายการค้า Twitter หลังถูกสตาร์ทอัพ ยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

X ภายใต้การบริหารของ Elon Musk แก้ Terms of Service ระบุชัดยังถือครองเครื่องหมายการค้า Twitter พร้อมดำเนินคดีตอบโต้คำร้องจดทะเบียนจาก Operation Bluebird

มีรายงานว่า X ภายใต้การบริหารของ Elon Musk ได้อัปเดตเงื่อนไขการให้บริการ (Terms of Service) เพื่อระบุว่าบริษัทยังคงอ้างสิทธิ์ในเครื่องหมายการค้า “Twitter” และยื่นฟ้องแย้งเพื่อตอบโต้ความพยายามของผู้ยื่นขอจดทะเบียนรายใหม่ที่อ้างว่า X ได้ละทิ้งแบรนด์ Twitter ไปแล้ว ตามรายงานของ Reuters

รายงานระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลัง Operation Bluebird สตาร์ทอัพในรัฐเวอร์จิเนีย ยื่นคำร้องต่อสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าสหรัฐ (USPTO) เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2025 เพื่อขอจดทะเบียนคำว่า “Twitter” โดยให้เหตุผลว่า X ได้ละทิ้งแบรนด์นี้หลังรีแบรนด์บริการเป็น “X” พร้อมอ้างอิงโพสต์ของ Musk เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2023 ที่ระบุว่าแพลตฟอร์มจะ “bid adieu to the twitter brand” (บอกลาแบรนด์ Twitter)

ในทางกลับกัน รายงานระบุว่า X โต้แย้งด้วยการยื่นฟ้องแย้งของตนเอง โดยยืนยันว่าบริษัทยังคงเป็นผู้ถือครองสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในเครื่องหมายการค้า Twitter และ Tweet รวมถึงโลโก้นกสีฟ้า และดำเนินการเพื่อปกป้องสิทธิ์ดังกล่าวจากความพยายามของผู้ยื่นขอรายใหม่

ขณะเดียวกัน Operation Bluebird ได้เปิดเว็บไซต์ Twitter.new เพื่อรวบรวมรายชื่อผู้สนใจลงทะเบียนล่วงหน้าสำหรับบริการโซเชียลของตน โดยทีมงานนำโดยทนายความสองราย ได้แก่ Michael Peroff และ Stephen Coates ซึ่งเคยทำงานด้านเครื่องหมายการค้าที่ Twitter มาก่อน รายงานชี้ว่าความเคลื่อนไหวนี้ถูกจับตาว่าอาจมุ่งไปที่การครอบครองเครื่องหมายการค้าที่มีมูลค่า มากกว่าการเปิดบริการมาแข่งขันกับ X โดยตรง

สำหรับการอัปเดต Terms of Service รายงานระบุว่าเวอร์ชันใหม่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2026 และเพิ่มถ้อยคำชัดเจนว่าผู้ใช้ไม่ได้รับสิทธิ์ในการใช้ชื่อ X หรือ Twitter รวมถึงเครื่องหมายการค้า โลโก้ โดเมนเนม และองค์ประกอบแบรนด์อื่น ๆ โดยปราศจากการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท ซึ่งก่อนหน้านี้ส่วนดังกล่าวอ้างอิงเฉพาะชื่อ X และไม่ได้กล่าวถึง Twitter

รายงานยังระบุว่าเงื่อนไขที่อัปเดตมีการเพิ่มเติมข้อความเกี่ยวกับข้อกำหนดด้านกฎหมายของสหภาพยุโรป และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้น รวมถึงการปรับนโยบายความเป็นส่วนตัวที่อ้างอิงเทคโนโลยีตรวจสอบอายุผู้ใช้งานเพิ่มเติม

ที่มา: TechCrunch