Victim Blaming คืออะไร

Victim Blaming การกล่าวโทษเหยื่อ การโทษผู้เสียหาย

การเติมโตของโซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นสิ่งที่มีผลกระทบใหญ่ต่อวัฒนธรรมและสังคมของเราในปัจจุบัน โดยโซเชียลเน็ตเวิร์คเปิดโอกาสให้ผู้คนสร้างความสัมพันธ์และสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วและทั่วโลก สิ่งนีเองมีทั้งข้อดีและข้อเสีย จากที่มีการสื่อสารกันง่ายสะดวกง่ายต่อการเข้าถึง การกระจายเรื่องราว การวิจารณ์ และอื่นๆ

บทความนี้จะขอพูดถึงเรื่องของ Victim Blaming ที่พบได้บ่อยในสือสังคมออนไลน์ และอธิบายความหมายของ Victim Blaming ว่าคืออะไร แปลว่าอะไร

Victim Blaming คืออะไร

Victim Blaming แปลจากภาษาอังกฤษตรงๆตัวแปลว่า “การกล่าวโทษเหยื่อ” เป็นการมองว่าเหยื่อมีความรับผิดชอบบางส่วนหรือทั้งหมดต่อความเสียหายหรือความผิดที่พวกเขาประสบ มองว่าผู้เสียหายเองมีความผิดหรือความรับผิดชอบในเหตุการณ์นั้น นั่นคือการเอาผู้เสียหายมาเป็นตัวที่ต้องรับผิดชอบ แม้ว่าความผิดหรือความรับผิดชอบนั้นจะไม่ได้อยู่กับผู้เสียหายจริง ๆ

ยกตัวอย่างเช่น

มีการแจ้งเหตุเรื่องความรุนแรงหรือการกระทำที่ไม่เหมาะสม บางครั้งผู้คนอาจรวิพากษ์วิจารณ์ไปเองว่า เหยื่อเองทำให้เกิดเรื่องพวกนี้ เช่นไปสถานที่ที่มีความเสียงเอง แต่งตัวไม่เหมาะสมทำให้เกิดเหตุ เดินไม่ดูทางทำให้เกิดรถชน ไม่รู้จักปฏิเสธหรือป้องกันตนเอง มีการพูดโดยไม่มีข้อมูล ทั้งที่ไม่เป็นเรื่องจริงตามที่กล่าวอ้าง

การกล่าวโทษ หรือการเสียดสีเหยื่อ บางครั้งอาจมีต้นเหตุมาจากความเชื่อส่วนตัว เช่น ความเชื่อลึกลับ คาดเดาสถานการณ์ผิด หรือความเข้าใจที่ผิดพลาดเกี่ยวกับเหยื่อและสภาวะที่เกี่ยวข้อง การวิพากษ์ว่าเหยื่อเป็นผู้มีส่วนร่วมในการเกิดความเสียหายอาจส่งผลเสียให้เหยื่อรับมือกับความเสียหายได้ยากขึ้น และอาจทำให้ผู้คนเข้าใจผิด จนทำให้เหยื่อไม่ได้รับความช่วยเหลือหรือไม่กล้ารายงานอาชญากรรมที่เกิดขึ้น เพราะมีความคิดที่ไม่ดีต่อเหยือ จากการเข้าใจผิดดังกล่าว

การระบุความผิดของเหยื่ออาจเป็นการละเลยหรือลดลงความรับผิดชอบของผู้กระทำความผิด นอกจากนี้ การกล่าวหาหรือวิพากษ์วิจารณ์เหยื่ออาจส่งผลให้เหยื่อรู้สึกเหมือนว่ามีความผิด ไม่ได้รับการเข้าใจ ทำให้เหยื่อรับมือกับสถานการณ์ได้ยากขึ้นและอาจส่งผลกระทบทางจิตใจและร่างกายในระยะยาว

ผลกระทบต่อการ Victim Blaming

1. ลดความเชื่อมั่นและเปลี่ยนแปลงทัศนคติ การ victim blaming อาจทำให้เหยื่อรู้สึกว่าตนเองมีความผิดหรือเป็นตัวการของเหตุการณ์ เขาอาจเสียความเชื่อมั่นในตนเองและรู้สึกไม่มีค่า การวิจารณ์ในทางที่ไม่ถูกต้องนี้อาจเปลี่ยนแปลงทัศนคติของเหยื่อและสังคมที่มองว่าผู้เสียหายมีความผิด
2. เหยื่ออาจไม่ได้รับการสนับสนุนที่จำเป็นในกรณีที่ต้องการช่วยเหลือและฟื้นฟู การวิจารณ์และวางข้อกล่าวหา อาจทำให้เหยื่อรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและไม่ได้รับการเอาใจใส่จากสังคม
3. เหยื่อที่ถูกวิจารณ์และตำหนิอาจพบว่ามีภาวะเครียดและภาวะซึมเศร้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรม
4. เหตุการณ์ที่ผู้กระทำความผิดมีการวิจารณ์อาจทำให้เหยื่ออาจรู้สึกไม่มีกำลังใจหรือกลัวว่าการรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออกมาทั้งหมด อาจจะถูกวิจารณ์ในทางไม่ดีเพิ่มอีก ทำให้ขาดข้อมูลที่สำคัญในการเอาผิดผู้กระทำความผิด
5. สังคมตัดสินแบบผิดๆ การวิจารณ์โดยขาดข้อมูลที่ครบถ้วน ข้อมูลที่วิจารณ์อาจมาจากการคาดเดา ไม่มีพยานหลักฐาน แต่เมื่อเผยแพร่ข้อมูลออกไปแล้ว สังคมอาจติดสินไปแล้ว ทำให้เกิดการตัดสินแบบผิดๆ เหยื่ออาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม หรืออยู่ร่วมในสังคมได้ยากขึ้นในภายหลัง

สิ่งที่ควรทำและเป็นวิจารณ์ที่ดี

ไม่มีใครสมควรเป็นเหยื่อของความเสียหายหรือความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นเพราะการกระทำการแสดงออกหรือสถานการณ์ใดๆ การสนับสนุนและสอดคล้องกับเหยื่อเป็นสิ่งสำคัญ ในขณะที่ควรยึดมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย และการชี้แจงความผิดของผู้กระทำความผิดได้อย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการต่อต้านความรุนแรงและความเป็นอันตรายในสังคมของเรา

การเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องและศึกษาความรู้เกี่ยวกับความรับผิดชอบของผู้กระทำความผิดสามารถช่วยให้เข้าใจว่าเหยื่อไม่มีความผิดที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายที่ตนเองประสบมา สังคมที่มีการสนับสนุนและเห็นคุณค่าของเหยื่อช่วยให้ผู้รับเหยื่อสามารถกลับมาสู่สภาวะที่ปกติได้ด้วยความมั่นใจและความเข้มแข็งกลับมาใช้ชิวิตปกติได้เร็วยิ่งขึ้น

การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีเอื้ออำนวยให้กับเหยื่อ เพื่อให้พวกเขาสามารถรายงานความเสียหายบอกเล่าเรื่องราว หรือขอความช่วยเหลือได้โดยไม่กังวลหรือกลัวการถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นสิ่งสำคัญต่อการระบุ กล่าวโทษผู้กระทำความผิด

วิจารณ์ที่ดีควรใส่ใจห่วงใยเหยื่อและเน้นไปที่ผู้กระทำความผิด การวิจารณ์เน้นไปที่ผู้กระทำความผิดสามารถช่วยให้เหยื่อได้รับความยุติธรรมและสนับสนุนความผิดที่ทำได้มากขึ้น

Victim Blaming ไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงนี้มี Social Network สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นและมีมานานแล้ว แต่โลกที่รวดเร็วและง่ายต่อการเข้าถึง ทำให้เกิด Victim Blaming ได้ง่ายขึ้น เพราะผู้คนเพียงแค่เชื่อมต่อและพิมพ์สิ่งที่ตัวเองคิดโดยขาดความรู้ ความรับผิดชอบ ความชั่งใจ