วิธีลบไฟล์ขยะ Windows 11 (Temp Files) ต่างๆใน Windows ทั้งหมด

Windows 11 logo Cartoon

ไฟล์ขยะ (Temp Files) ใน Windows 11 ลบตรงไหนบ้าง


สำหรับผู้ที่ใช้งาน Windows 11 และต้องการที่จะลบไฟล์ขยะหรือ Temp Files ในคอมพิวเตอร์แต่ไม่ทราบว่าจะลบอย่างไร และทำไมต้องลบ บทความนี้จะมาสอนการลบไฟล์ขยะใน Windows 11 กันพร้อมอธิบายด้วยว่าไฟล์ขยะคืออะไร และทำไมเราต้องลบไฟล์ขยะออกไปบ้าง มาเริ่มต้นด้วยวิธีลบไฟล์ขยะกันก่อนว่าเราต้องไปลบตรงไหนบ้าง

Dark Mode Windows 11

วิธีลบไฟล์ขยะ Windows 11

การลบไฟล์ขยะหรือไฟล์ที่เราไม่ได้ใช้งานใน Windows จริงๆแล้วมีหลายจุดและหลายวิธีที่สามารถทำได้ โดยบทความนี้จะสอนวิธีที่ควรใช้งานและง่ายต่อการตรวจสอบ โดยเรียงจากสิ่งที่ควรทำเป็นอันดับต้นๆลงไปดังต่อไปนี้

ลบไฟล์ขยะด้วยฟีเจอร์ Storage ใน Windows 11

ไมโครซอฟท์พยามรวมฟีเจอร์เกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูลของ Windows 11 ไว้ในเมนู Storage ซึ่งในนี้จะมีฟีเจอร์ต่างๆมากมาย เกี่ยวกับการจัดการพื้นที่ใน Windows โดยฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย การเข้าใช้งาน ฟีเจอร์ Storage โดยคลิกขวาที่ปุ่ม Start > Setting > System > Storage ภายในเมนูของ Storage  ของ Windows 11 มีเมนูดังต่อไปนี้

Storage Windows 11

  • Other (Start > Setting > System > Storage > Other)เป็นเมนูที่รายงานโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ ทำให้เราทราบว่าโฟลเดอร์ไหนที่ใช้งานพื้นที่เยอะ ทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบว่าเราใช้งานพื้นที่เก็บข้อมูลไปกับอะไรบ้าง ให้เราเข้าไปจัดการ Folder นั้นๆ โดยการคลิกที่โฟลเดอร์ที่เมนูได้เลยระบบจะนำไปยังโฟลเดอร์ดังกล่าว
    Storage Other Windows 11
  • Installed apps (Start > Setting > System > Storage > Installed apps) เป็นเมนูที่รายงานเกี่ยวกับ แอปที่ติดตั้งใน Windows ที่ใช้งานพื้นที่มากไปหาน้อย (จำเป็นต้องปรับการเรียง Size (Large to small) ให้เราตรวจสอบว่าแอปหรือโปรแกรมไหนใช้งานพื้นที่เยอะ หากไม่ได้ใช้งานหรือไม่จำเป็นเราสามารถถอดถอนการติดตั้ง (Uninstall) ได้ในเมนูนี้เช่นเดียวกัน
    Uninstall App Windows 11
  • Documents (Start > Setting > System > Storage > Documents)เนื่องจาก Documents ใน Windows ถือเป็นที่เก็บงานและเอกสารหลักของ Windows ระบบจึงจำเป็นต้องรายงานว่าตอนนี้ Documents ใช้งานพื้นที่เก็บข้อมูลไปมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้ตรวจเข้าทราบและหากใช้งานพื้นที่เยอะ เราอาจจำเป็นต้องเข้าไปตรวจสอบไฟล์หรืองานที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว อาจลบหรือย้ายออกจากไดร์ฟ
    Storage Documents Windows 11
  • Temporary files (Start > Setting > System > Storage >Temporary file)เมนูนี้จะเกี่ยวข้องกับไฟล์ขยะโดยตรง และในแต่ละเมนูที่จะลบก็มีรายละเอียดที่ต้องอธิบายดังไปไปนี้ (บางเครื่องอาจไม่มีเมนูบางเมนูที่กล่าวมา เพราะระบบอาจไม่มีหรือยังไม่ได้ทำให้เกิดไฟล์ขยะดังกล่าวเลยไม่แสดง)
    Temporary files in storage Windows 11

    1. Windows Update Cleanup ไฟล์เหล่านี้เกิดจากการอัปเดต Windows ที่ติดตั้งในระบบ เมื่ออัปเดตเสร็จแล้ว ไฟล์บางส่วนจะถูกเก็บไว้ในเครื่องเพื่อช่วยให้คุณสามารถย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันก่อนหน้าได้ หากไม่มีปัญหาหลังจากการอัปเดต คุณสามารถลบไฟล์เหล่านี้ได้เพื่อประหยัดพื้นที่
    2. Previous Windows installation(s) หลังจากการอัปเดตหรือการติดตั้ง Windows เวอร์ชันใหม่ ไฟล์จากเวอร์ชันเก่าจะถูกเก็บไว้ในกรณีที่คุณต้องการกลับไปยังเวอร์ชันเก่า ไฟล์เหล่านี้ใช้พื้นที่มาก หากคุณพอใจกับเวอร์ชันปัจจุบัน สามารถลบออกได้
    3. Recycle Bin ไฟล์ที่คุณลบจะถูกย้ายไปยังถังขยะ (Recycle Bin) ก่อนจะถูกลบถาวร ไฟล์เหล่านี้ยังคงอยู่ในพื้นที่เก็บข้อมูลจนกว่าจะถูกลบออกจากถังขยะ
    4. Temporary files ไฟล์ชั่วคราวที่สร้างขึ้นโดยระบบและแอปต่างๆ มักจะเป็นไฟล์ที่ไม่จำเป็นหลังจากเลิกใช้งานแอปหรือโปรแกรม คุณสามารถลบไฟล์เหล่านี้เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างได้อย่างปลอดภัย
    5. Delivery Optimization Files ไฟล์เหล่านี้ถูกเก็บไว้เพื่อให้การอัปเดตหรือดาวน์โหลดในเครื่องอื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายของคุณสามารถดึงข้อมูลได้เร็วขึ้น โดยการแชร์ไฟล์อัปเดตที่ดาวน์โหลดมาแล้ว คุณสามารถลบได้หากไม่ต้องการใช้ฟีเจอร์นี้
    6. DirectX Shader Cache เป็นไฟล์ที่สร้างขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการแสดงผลกราฟิก ซึ่งทำให้แอปหรือเกมทำงานได้เร็วขึ้น หากมีปัญหาด้านกราฟิก คุณอาจลองลบไฟล์เหล่านี้ และระบบจะสร้างขึ้นใหม่เองเมื่อจำเป็น
    7. Thumbnails เป็นไฟล์ภาพขนาดเล็กที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงตัวอย่างของภาพถ่าย วิดีโอ หรือเอกสารใน File Explorer การลบไฟล์เหล่านี้จะไม่กระทบไฟล์ต้นฉบับ และระบบจะสร้างขึ้นใหม่เมื่อเปิดโฟลเดอร์ที่มีไฟล์ดังกล่าว
    8. Microsoft Defender Antivirus ไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับการอัปเดตหรือการสแกนของ Microsoft Defender Antivirus ซึ่งอาจเก็บไว้เพื่อลดเวลาการสแกนในครั้งถัดไป หากต้องการเพิ่มพื้นที่ว่างคุณสามารถลบไฟล์เหล่านี้ได้
    9. Temporary Windows installation files ไฟล์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นระหว่างการติดตั้ง Windows หรือการอัปเดตระบบ ถ้าไฟล์เหล่านี้ยังคงอยู่หลังการติดตั้งหรืออัปเดตเสร็จสิ้น คุณสามารถลบได้อย่างปลอดภัย
    10. Temporary Internet Files ไฟล์เหล่านี้เป็นแคชจากเว็บเบราว์เซอร์ของคุณที่ช่วยให้หน้าเว็บโหลดได้เร็วขึ้นในการเข้าชมครั้งถัดไป การลบไฟล์เหล่านี้จะทำให้เบราว์เซอร์ต้องดาวน์โหลดข้อมูลใหม่เมื่อคุณเข้าชมเว็บอีกครั้ง แต่โดยปกติแล้วเบราว์เซอร์ต่างๆจะจัดการแคชของตัวเองแยกต่างหากภายในโปรแกรม เราจึงไม่ค่อยเห็น Temporary Internet Files ในส่วนนี้
    11. Device Driver Packages ไฟล์ไดรเวอร์เก่าที่เคยติดตั้งไว้บนระบบ ซึ่งอาจไม่จำเป็นอีกต่อไป หากคุณไม่ต้องการเก็บสำรองไดรเวอร์เก่าเหล่านี้ไว้ คุณสามารถลบออกได้
    12. Language Resource Files ไฟล์เหล่านี้คือข้อมูลที่เกี่ยวกับภาษาเพิ่มเติมที่คุณได้ติดตั้งใน Windows หากคุณไม่ใช้ภาษาดังกล่าว คุณสามารถลบไฟล์เหล่านี้ได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่าง
    13. Windows error reports and feedback diagnostics เป็นข้อมูลที่ Windows สร้างขึ้นเมื่อเกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหาในการทำงานของระบบหรือแอปพลิเคชัน ไฟล์เหล่านี้ประกอบด้วยรายงานข้อผิดพลาดและข้อมูลวิเคราะห์ที่สามารถช่วย Microsoft ในการปรับปรุง Windows โดยไฟล์นี้มี 2 ส่วนหลักคือ Windows Error Reports (WER) เป็นไฟล์รายงานข้อผิดพลาดที่ Windows สร้างขึ้นเมื่อมีแอปหรือระบบเกิดข้อผิดพลาดหรือหยุดทำงาน และ Feedback Diagnostics เป็นข้อมูลที่ Windows เก็บรวบรวมเกี่ยวกับประสิทธิภาพและการทำงานของระบบ ซึ่งสามารถส่งกลับไปยัง Microsoft เพื่อใช้ในการปรับปรุง Windows ในอนาคต คุณสามารถลบไฟล์เหล่านี้ได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบ

    คุณสามารถเลือกลบไฟล์ต่างๆที่กล่าวมาได้ตามต้องการ เมื่อเลือกแล้วจะมี Remove Files (ให้ดูจากภาพด้านบน) เพื่อลบไฟล์ที่คุณเลือกได้ โดยจะมีรายละเอียดขนาดไฟล์ก่อนลบหลังเลือกที่ด้านขวามือบน (ให้ดูจากภาพด้านบน) Total selected :

  • Storage Sense (Start > Setting > System > Storage > Storage Sense) จะเป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่อยู่ในเมนู Storage ของ Windows 11 ที่ช่วยจัดการพื้นที่เก็บข้อมูลโดยอัตโนมัติ มันสามารถลบไฟล์ขยะ, ไฟล์ชั่วคราว, และไฟล์ที่ไม่ได้ใช้งานในช่วงเวลาหนึ่งเพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างให้กับเครื่องโดยไม่ต้องทำเองทุกครั้ง
    Storage SenseStorage Sense จะมีเมนูต่างๆที่น่าสนใจและตั้งค่าดังต่อไปนี้
    Storage Sense Setting

    • Keep Windows running smoothly by automatically cleaning up temporary system and app files ปกติจะติ๊กถูกหมายถึงใช้งานอยู่เป็นค่าเริ่มต้น หมายถึง การตั้งค่าให้ Windows จัดการและลบไฟล์ชั่วคราวของระบบและแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ระบบทำงานได้ลื่นไหลและมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่ต้องให้ผู้ใช้ลบไฟล์เอง
    • Automatic User content cleanup ส่วนนี้จะเป็นการตั้งค่าให้ฟีเจอร์ทำการลบไฟล์อัตโนมัติ ซึ่งเราสามารถตั้งค่าย่อยได้อีก 3 ส่วนด้วยกันได้แก่
      1. Run Storage Sense หมายถึงจะให้ Storage Sense ทำงานเมื่อไหร่ ค่าเริ่มต้นคือ During low free disk space ในช่วงเวลาที่พื้นที่ดีสก์เหลือน้อย เราสามารถเปลี่ยนเป็นแบบ วัน, สัปดาห์, หรือเดือน ได้
      2. Delete files in my recycle bin if they have been there for over คือจะให้ระบบลบไฟล์ที่อยู่ในถังขยะ (ไฟล์ที่เราลบเอง) ตอนไหน  ค่าเริ่มต้นคือ 30 วัน
      3. Delete files in my Downloads folder if they have been there for over คือจะให้ระบบลบไฟล์ที่อยู่ในโฟลเดอร์ดาวน์โหลด (ไฟล์ที่เราดาวน์โหลดมาเอง อาจลืมลบออกหลังดาวน์โหลดมาแล้ว) ค่าเริ่มต้นคือ Never คือไม่ลบ สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าได้ตามที่ต้องการ
  • Cleanup recommendations (Start > Setting > System > Storage > Cleanup recommendations) เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยแนะนำวิธีการลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นหรือไฟล์ที่สามารถลบได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างในเครื่องอย่างปลอดภัย โดย Windows จะวิเคราะห์ไฟล์ในระบบและให้คำแนะนำเกี่ยวกับไฟล์ที่อาจใช้พื้นที่มากเกินไปหรือไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน
    Cleanup recommendations
    ภายใน Cleanup recommendations คุณอาจเห็นเมนูเพิ่มเติมอีก 3 เมนูได้แก่

    1. Large or unused files คือไฟล์ที่มีขนาดใหญ่หรือไลน์ที่ไม่เคยใช้งาน
    2. Files sysced to the cloud คือไฟล์ที่ซิงค์ไปยังคลาวด์ ไฟล์พวกนี้อาจไม่ได้ใช้งานหรือไฟล์ที่เราเก็บไว้ในคลาวด์แต่ยังมีการใช้งานพื้นที่ในคอมพิวเตอร์อยู่ ให้ตรวจสอบลบหากไม่ได้ใช้งาน
    3. Unused apps คือแอปที่ไม่เคยใช้งาน สามารถตรวจสอบและลบได้
  • Advanced storage settings (Start > Setting > System > Storage > Advanced storage settings) จะเป็นเมนูสุดท้ายที่อยู่ในส่วนของ Storage สำหรับ Advanced storage settings จะเป็นเมนูเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับการจัดการพื้นที่เก็บข้อมูลซึ่งจะมีเมนูย่อยประมาณ 6 เมนูดังต่อไปนี้
    Advanced storage settings

    1. Storage used on other drives เมนูบอกสถานะการใช้งานพื้นที่ในทุกไดร์ฟในคอมพิวเตอร์ของเรา ช่วยให้เราทราบว่าตอนนี้ใช้งานไปเท่าไหร่เหลือพื้นที่เท่าไหร่ของแต่ละไดร์ฟ และสามารถเข้าไปยังไดร์ฟต่างๆเพื่อตรวจสอบการใช้งานได้อีก
    2. When new content is saved คือการตั้งค่าที่ให้คุณเลือกตำแหน่งที่ต้องการบันทึกไฟล์ใหม่หรือเนื้อหาต่างๆ ในระบบ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร, ภาพถ่าย, วิดีโอ, เพลง หรือแอปพลิเคชัน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณสามารถควบคุมว่าเนื้อหาใหม่จะถูกบันทึกลงไปในไดรฟ์ใดโดยเฉพาะ หากคุณมีหลายไดรฟ์หรือมีการเชื่อมต่อกับฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก เช่น SSD, HDD หรือ USB drive รายละเอียดย่อยตังต่อไปนี้
      • New apps will save to: แอปพลิเคชันที่ดาวน์โหลดและติดตั้งใหม่จะถูกบันทึกไปยังไดรฟ์ที่คุณเลือก
      • New documents will save to: เอกสารใหม่ที่คุณสร้างขึ้นจะถูกบันทึกในไดรฟ์ที่กำหนด
      • New music will save to: ไฟล์เพลงใหม่จะถูกบันทึกไปยังไดรฟ์ที่ระบุ
      • New photos and videos will save to: ไฟล์รูปภาพและวิดีโอใหม่จะถูกบันทึกไปยังไดรฟ์ที่เลือก
      • New movies and TV shows will save to: เนื้อหาภาพยนตร์และรายการทีวีใหม่ที่คุณดาวน์โหลดจาก Microsoft Store จะถูกบันทึกไปยังไดรฟ์ที่เลือก
      • Change where you store your offline maps : หมายถึงการเลือกตำแหน่งที่เก็บแผนที่ออฟไลน์ที่คุณดาวน์โหลดเพื่อใช้งานเมื่อไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
    3. Storage Spaces เป็นฟีเจอร์ใน Windows ที่ช่วยให้คุณสามารถจัดการกับการจัดเก็บข้อมูลได้อย่างยืดหยุ่นและปลอดภัย โดยการรวมหลายๆ ไดรฟ์เข้าเป็นกลุ่มและจัดการพวกมันเหมือนเป็นหน่วยจัดเก็บเดียวกัน การใช้งานฟีเจอร์นี้มีรายละเอียดมาก จำเป็นต้องศึกษาและหาข้อมูลการใช้งานเพิ่มเติม บทความนี้จะไม่ขอกล่าวถึง
    4. Disks & volumes เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณจัดการไดรฟ์และปริมาณพื้นที่จัดเก็บในระบบของคุณ คุณสามารถใช้เมนูนี้เพื่อตรวจสอบสถานะของไดรฟ์, การจัดการพาร์ติชัน, และการจัดสรรพื้นที่จัดเก็บ
    5. Backup options ฟีเจอร์ที่ตั้งค่าและจัดการการสำรองข้อมูลของระบบและไฟล์เพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูลจากการล้มเหลวของฮาร์ดแวร์, การลบไฟล์โดยไม่ได้ตั้งใจ, หรือเหตุการณ์อื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อข้อมูลของคุณ คุณสามารถเลือกที่จะสำรองข้อมูลของคุณไปยัง OneDrive ซึ่งเป็นบริการคลาวด์ของ Microsoft ที่ช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลของคุณจากที่ใดก็ได้ และป้องกันการสูญหายของข้อมูลในกรณีที่เกิดปัญหากับเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ
    6. Drive optimization เป็นเครื่องมือที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของไดรฟ์ในระบบของคุณ โดยการทำงานหลักของมันคือการจัดระเบียบข้อมูลในไดรฟ์และการตรวจสอบสถานะของไดรฟ์ หากเป็นพื้นที่ ที่ใช้ SSDs (Solid State Drives) การใช้คำสั่ง TRIM เพื่อช่วยให้ SSD ทำความสะอาดพื้นที่ที่ไม่ใช้งานและปรับปรุงประสิทธิภาพการเขียนข้อมูลใหม่ แต่หากเป็น HDD (Hard Disk Drive) การกดปุ่ม Optimize จะทำการ Defragment ซึ่งเป็นกระบวนการที่จัดเรียงข้อมูลที่กระจัดกระจายให้เป็นระเบียบในดิสก์ และแน่นอนว่า Analyze เป็นตัวเลือกใน Drive Optimization ของ Windows ที่มีอยู่เฉพาะสำหรับ HDD ด้วย

ลบไฟล์ขยะด้วย Disk Cleanup

Disk Cleanup เป็นเครื่องมือใน Windows ที่ช่วยลบไฟล์ขยะและไฟล์ที่ไม่จำเป็นออกจากระบบเพื่อล้างพื้นที่เก็บข้อมูล ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างบนไดรฟ์และทำให้ระบบทำงานได้เร็วขึ้น

วิธีใช้ Disk Cleanup

Disk Cleanup Drive Selection Windows 11

Disk Cleanup Windows 11

  1. เปิด Disk Cleanup
    • กดปุ่ม Windows + S เพื่อเปิดการค้นหา
    • พิมพ์ Disk Cleanup และเลือก Disk Cleanup จากผลการค้นหา
  2. เลือกไดรฟ์ที่ต้องการทำความสะอาด
    • เมื่อเปิด Disk Cleanup ขึ้นมา คุณจะเห็นหน้าต่างให้เลือกไดรฟ์ที่ต้องการทำความสะอาด (โดยปกติจะเป็นไดรฟ์ C:)
    • เลือกไดรฟ์ที่ต้องการแล้วคลิก OK
  3. เลือกประเภทของไฟล์ที่ต้องการลบ
    • Disk Cleanup จะทำการสแกนไดรฟ์และแสดงรายการประเภทของไฟล์ที่สามารถลบได้ เช่น:
      • Temporary files ไฟล์ชั่วคราวที่สร้างโดยระบบหรือโปรแกรมซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ต่อ
      • System created Windows Error Reporting ไฟล์ที่สร้างโดยระบบเพื่อรายงานข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
      • Temporary Internet Files แคชจากเว็บเบราว์เซอร์ที่ช่วยให้การโหลดหน้าเว็บเร็วขึ้นในการเข้าชมครั้งถัดไป
      • Recycle Bin ไฟล์ที่อยู่ในถังรีไซเคิลและรอการลบอย่างถาวร
      • System Files ไฟล์ระบบที่ไม่จำเป็น เช่น ไฟล์การอัปเดตที่เก่าหรือไฟล์สำรองจากการอัปเดต Windows
      • Windows Update Cleanup ไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับการอัปเดต Windows ที่เก่าและไม่ใช้แล้ว
      • Delivery Optimization Files ไฟล์ที่ใช้สำหรับการปรับปรุงการส่งไฟล์ของ Windows Updates และแอป
      • Temporary Windows Installation Files ไฟล์ที่สร้างขึ้นระหว่างการติดตั้ง Windows หรือการอัปเดตที่อาจยังคงอยู่หลังการติดตั้งเสร็จสิ้น
      • Previous Windows Installation(s) ไฟล์จากการติดตั้ง Windows รุ่นก่อนหน้าหากคุณได้อัปเกรดเป็นเวอร์ชันใหม่
      • Thumbnails ข้อมูลตัวอย่าง (thumbnail) ที่สร้างเพื่อดูภาพขนาดย่อได้เร็วขึ้น
    • ทำเครื่องหมายถูกในช่องที่ต้องการลบ
  4. ตรวจสอบไฟล์เพิ่มเติม (ตัวเลือก)
    • คลิกที่ปุ่ม Clean up system files เพื่อรวมตัวเลือกเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับไฟล์ระบบ เช่น การอัปเดต Windows ที่เก่า
  5. เริ่มการลบไฟล์
    • คลิกที่ OK หลังจากเลือกประเภทของไฟล์ที่ต้องการลบ
    • คลิกที่ Delete Files เพื่อเริ่มกระบวนการลบไฟล์ขยะ

Clean up system Files

Clean up system Files

ภายใต้เมนู Disk Cleanup คุณจะเห็นเมนู Clean up system Files จะเป็นการลบไฟล์ของระบบเพิ่มเติม เลือกประเภทของไฟล์ที่ต้องการลบ Disk Cleanup จะทำการสแกนและแสดงรายการประเภทของไฟล์ที่สามารถลบได้ซึ่งรวมถึงไฟล์ระบบ เช่น

    • Windows Update Cleanup: ไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับการอัปเดต Windows ที่เก่าหรือไม่ใช้แล้ว
    • Previous Windows Installation(s): ไฟล์จากการติดตั้ง Windows รุ่นก่อนหน้า (หากคุณอัปเกรด Windows)
    • System created Windows Error Reporting: ไฟล์ที่สร้างขึ้นจากการรายงานข้อผิดพลาดของ Windows
    • Temporary Windows Installation Files: ไฟล์ที่สร้างขึ้นระหว่างการติดตั้ง Windows หรือการอัปเดต

ข้อควรระวัง

  • สำรองข้อมูลสำคัญ: ก่อนทำการลบไฟล์ขยะ ควรตรวจสอบว่าไม่มีไฟล์สำคัญที่อาจถูกลบโดยไม่ตั้งใจ
  • รีสตาร์ทระบบ: หลังจากการทำความสะอาด ควรรีสตาร์ทเครื่องเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล

การใช้ Disk Cleanup เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วในการเพิ่มพื้นที่ว่างบนไดรฟ์และช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ล้างไฟล์ชั่วคราวใน Temporary Folder

  1. กดปุ่ม Windows + R เพื่อเปิด Run
  2. พิมพ์ temp และกด Enter
  3. ลบไฟล์ทั้งหมดในโฟลเดอร์นี้ (อาจมีบางไฟล์ที่ไม่สามารถลบได้เนื่องจากกำลังถูกใช้งาน)
  4. ทำซ้ำขั้นตอนนี้อีกครั้งโดยพิมพ์ %temp% ในช่อง Run แล้วลบไฟล์ในโฟลเดอร์นี้ด้วย

Temporary Folder Windows 11

Temp Folder Windows 11

การลบไฟล์ในโฟลเดอร์ Temporary และ %temp% เป็นวิธีที่ปลอดภัยในการลบไฟล์ชั่วคราวที่ไม่จำเป็นและไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานระบบโดยตรงฉนั้นสามารถได้เลยไม่ต้องกังวลแค่มีบางไฟล์อาจไม่ถูกลบออกหรือไม่สามารถลบได้เพราะกำลังถูกใช้งานอยู่

ล้าง Recycle Bin

การล้าง Recycle Bin เป็นวิธีที่ง่ายในการเพิ่มพื้นที่ว่างบนไดรฟ์ของคุณ โดย Recycle Bin เป็นที่เก็บไฟล์ที่ถูกลบชั่วคราวก่อนที่จะถูกลบอย่างถาวรจากระบบ ดังนั้นการล้าง Recycle Bin จะลบไฟล์ทั้งหมดในถังรีไซเคิลออกอย่างถาวร

  1. คลิกขวาที่ Recycle Bin บนเดสก์ท็อป
  2. เลือก Empty Recycle Bin

Empty Recycle Bin

คำเตือน : การลบไฟล์ในถังขยะแบบ Empty Recycle Bin จะไม่สามารถกู้ข้อมูลกลับมาได้แบบปกติ ฉนั้นต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าในถังขยะของเราไม่มีไฟล์ที่จำเป็นต้องกู้แล้วใช่หรือไม่ก่อนที่จะกดล้างถังขยะ

การจัดการพื้นที่บน Windows 11 เป็นกระบวนการที่สำคัญเพื่อให้การทำงานของระบบมีประสิทธิภาพสูงสุด การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการพื้นที่ช่วยให้เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องได้ เช่น การใช้ Disk Cleanup, การจัดการไฟล์ที่ไม่จำเป็น และการจัดการแอปพลิเคชันที่ไม่ได้ใช้งาน การสำรวจการตั้งค่าและเครื่องมือที่ Windows 11 มีให้จะช่วยให้เราสามารถจัดการพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

หากคุณพบปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ในระบบ อย่าลืมเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบพื้นที่ว่างและกำจัดไฟล์ที่ไม่จำเป็นออกไป และหากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมหรือเครื่องมือเฉพาะทางเพิ่มเติม สามารถศึกษาจากเอกสารและบทความเพิ่มเติมที่มีให้เลือกมากมาย การรักษาพื้นที่ว่างและการจัดการไฟล์อย่างมีระเบียบจะช่วยให้ Windows 11 ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และให้คุณสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

About modify 6336 Articles
สามารถนำบทความไปเผยแพร่ได้อย่างอิสระ โดยกล่าวถึงแหล่งที่มา เป็นลิงค์กลับมายังบทความนั้นๆ บทความอาจมีการพิมพ์ตกเรื่องภาษาไปบ้าง ต้องขออภัย พยามจะพิมพ์ผิดให้น้อยที่สุด (ทำเว็บคนเดียวไม่มีคนตรวจทาน) บทความที่สอนเรื่องต่างๆ กรุณาอ่านบทความให้เข้าใจก่อนโพสต์ถาม ติดตรงไหนสามารถถามได้ที่โพสต์นั้นๆ

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.