วิธีปิดการแจ้งเตือนในเซิร์ฟเวอร์ต่างๆใน Discord ตั้งค่าการแจ้งเตือนอย่างไร ทั้งหมดแบบละเอียด

ภาพรวมหน้าต่างตั้งค่าการแจ้งเตือนของเซิร์ฟเวอร์ (Server Notification Settings Window)


สำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการปิดการแจ้งเตือนต่างๆใน Discord ในกรณีที่มีการแจ้งเตือนมากจนเกินไป เราสามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการปิดการแจ้งเตือนเฉพาะเซิร์ฟเวอร์ได้

Discrod server notification
การเข้าเมนูการแจ้งเตือน Discord ในคอมพิวเตอร์

หน้าต่างนี้คือการตั้งค่าแจ้งเตือนระดับเซิร์ฟเวอร์ (Per-Server Notification Settings) ซึ่งมีผลเฉพาะเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเปิดอยู่เท่านั้น ไม่กระทบเซิร์ฟเวอร์อื่น คุณสามารถกำหนดได้ทั้งการปิดเสียงแบบชั่วคราวหรือถาวร การเลือกรูปแบบการแจ้งเตือน การระงับการแท็กบางประเภท รวมถึงการตั้งค่าการแจ้งเตือนแบบรายช่องข้อความหรือรายหมวดหมู่แยกจากค่าหลักของเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างละเอียด

Discord server notification app mobile
การเข้าการตั้งค่าการแจ้งเตือน Discord ของแต่ละเซิร์ฟเวอร์

จากภาพด้านบนนี้เราจะอธิบายความหมายของแต่ละเมนูด้านล่างดังต่อไปนี้

Discord server notification Menu

เมนู ปิดแจ้งเตือนเซิร์ฟเวอร์ (Mute [Server Name])

สวิตช์ส่วนบนสุดเขียนว่า “ปิดแจ้งเตือน [ชื่อเซิร์ฟเวอร์]” (Mute [Server Name]) ใช้สำหรับสั่งให้เซิร์ฟเวอร์นี้เข้าสู่สถานะปิดเสียงทั้งหมด เมื่อเปิดสวิตช์นี้ เซิร์ฟเวอร์จะไม่ส่งการแจ้งเตือนแบบปกติให้คุณอีกต่อไป ทั้งเสียง เด้งแจ้งเตือน หรือเลขแสดงจำนวนข้อความที่ยังไม่ได้อ่านบนไอคอนแอป

  • เมื่อเปิด ปิดแจ้งเตือนเซิร์ฟเวอร์ (Mute Server = On): คุณยังเห็นข้อความในช่องได้ปกติเมื่อกดเข้าไปดูเอง แต่จะไม่มีการรบกวนจากการแจ้งเตือนทั่วไป
  • เมื่อปิด ปิดแจ้งเตือนเซิร์ฟเวอร์ (Mute Server = Off): เซิร์ฟเวอร์จะใช้การแจ้งเตือนตามค่าที่คุณตั้งไว้ในส่วน “การตั้งค่าการแจ้งเตือนของเซิร์ฟเวอร์ (Server Notification Settings)” ด้านล่าง
  • การปิดแจ้งเตือนเซิร์ฟเวอร์ (Mute Server) ไม่ใช่การออกจากเซิร์ฟเวอร์ คุณยังอยู่ในเซิร์ฟเวอร์เหมือนเดิมทุกประการ

ระยะเวลาการปิดแจ้งเตือน (Mute Duration)

Discord notification Mute Duration

ใต้สวิตช์ปิดแจ้งเตือนจะมีเมนูดรอปดาวน์ “ระยะเวลาการปิดแจ้งเตือน” (Mute Duration) ใช้กำหนดว่าเซิร์ฟเวอร์นี้จะถูกปิดเสียงนานเท่าใด ตัวเลือกนี้ทำงานร่วมกับสวิตช์ปิดแจ้งเตือนด้านบน

  • จนกว่าจะปิดแจ้งเตือน (Until I turn it back on): เซิร์ฟเวอร์จะถูกปิดเสียงไปเรื่อย ๆ จนกว่าคุณจะกลับมาเปลี่ยนเอง
  • 1 ชั่วโมง (For 1 hour): ปิดเสียงเซิร์ฟเวอร์เป็นเวลา 1 ชั่วโมง แล้วกลับมาทำงานตามค่าปกติ
  • 8 ชั่วโมง (For 8 hours): ปิดเสียงเซิร์ฟเวอร์เป็นเวลา 8 ชั่วโมง
  • 24 ชั่วโมง (For 24 hours): ปิดเสียงเซิร์ฟเวอร์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง

เหมาะสำหรับการปิดเสียงชั่วคราวช่วงทำงาน ประชุม หรือตอนพักผ่อน โดยไม่ต้องจดจำกลับมาเปิดเองหากเลือกแบบมีระยะเวลา

การตั้งค่าการแจ้งเตือนของเซิร์ฟเวอร์ (Server Notification Settings)

หากต้องการกำหนดรูปแบบการแจ้งเตือนเอง (ต้องปิด “ปิดแจ้งเตือนเซิร์ฟเวอร์” เมนูนี้ถึงตั้งค่าได้)  ส่วนนี้คือการกำหนด “ลักษณะ” การแจ้งเตือนของข้อความในเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด มีให้เลือกในรูปแบบ radio button ซึ่งเลือกได้เพียงตัวเลือกเดียวในครั้งหนึ่ง ตัวเลือกหลักคือ

ตัวเลือก: ข้อความทั้งหมด (All Messages)

เมื่อเลือก “ข้อความทั้งหมด (All Messages)” Discord จะส่งการแจ้งเตือนทุกครั้งที่มีข้อความใหม่ในช่องใด ๆ ของเซิร์ฟเวอร์นี้ (ยกเว้นช่องที่คุณตั้งค่าแบบรายช่องให้ปิดเสียงหรือไม่แจ้งเตือน) เหมาะกับกรณีที่เซิร์ฟเวอร์มีคนไม่เยอะ หรือคุณต้องติดตามการสนทนาอย่างใกล้ชิด เช่น เซิร์ฟเวอร์ทีมงานหลัก

  • ข้อดี: ไม่พลาดข้อความใด ๆ ทุกการสนทนาจะถูกเด้งแจ้งเตือน
  • ข้อเสีย: หากเป็นเซิร์ฟเวอร์ใหญ่หรือคุยกันถี่ การแจ้งเตือนจะเยอะมาก

Discord Server Notification Settings

ตัวเลือก: @กล่าวถึง เท่านั้น (Only @mentions)

เมื่อเลือก “@กล่าวถึง เท่านั้น (Only @mentions)” คุณจะได้รับการแจ้งเตือนเฉพาะเมื่อมีการกล่าวถึงคุณโดยตรงหรือแบบกลุ่มที่คุณเกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น

  • มีการแท็กชื่อคุณตรง ๆ (@YourName)
  • มีการใช้ @everyone หรือ @here ในช่องที่ไม่ได้ปิดเสียง
  • มีการใช้แท็ก Role ที่คุณอยู่ เช่น @Member หรือ @Staff (กรณีที่ยังไม่ได้เปิดระงับทุกตำแหน่ง @mentions ด้านล่าง)

การตั้งค่านี้เป็นค่าที่สมดุลสำหรับผู้ใช้ทั่วไป เพราะการแจ้งเตือนจะเกิดเฉพาะเมื่อข้อความ “เกี่ยวข้องกับคุณจริง ๆ” ไม่ใช่ทุกข้อความในทุกช่อง

ตัวเลือก: ไม่มีอะไร (Nothing)

เมื่อเลือก “ไม่มีอะไร (Nothing)” คุณจะไม่รับการแจ้งเตือนข้อความจากเซิร์ฟเวอร์นี้เลยในระดับภาพรวม ต่อให้มีข้อความใหม่จำนวนมากก็จะไม่มีการเด้งแจ้งเตือนหรือเสียง ยกเว้นว่าคุณไปตั้งค่าแบบรายช่องให้ช่องใดช่องหนึ่งเด้งขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษ

  • เหมาะสำหรับการอยู่ในเซิร์ฟเวอร์เพื่ออ่านย้อนหลังอย่างเดียว
  • หากต้องการให้บางช่องยังแจ้งเตือน สามารถไปกำหนดในส่วน “เลือกช่องหรือหมวดหมู่ (Select Channel or Category)”

ระงับ @everyone และ @here (Suppress @everyone and @here)

สวิตช์ “ระงับ @everyone และ @here (Suppress @everyone and @here)” เป็นตัวกรองการแจ้งเตือนจากการแท็กเรียกคนจำนวนมากในคราวเดียว เช่น ประกาศข่าวในเซิร์ฟเวอร์ใหญ่

  • เมื่อเปิด ระงับ @everyone และ @here (Suppress = On): การใช้ @everyone หรือ @here จะไม่ทำให้คุณได้รับการแจ้งเตือนพิเศษ คุณยังเห็นข้อความในช่องเหมือนเดิม แต่ไม่มีเสียงหรือเด้งแจ้งเตือนขึ้นมาเพราะแท็กชุดนี้
  • เมื่อปิด ระงับ @everyone และ @here (Suppress = Off): ทุกครั้งที่มี @everyone หรือ @here คุณจะได้รับการแจ้งเตือนตามรูปแบบที่เลือกในหัวข้อหลักด้านบน เช่น หากเลือก @กล่าวถึง เท่านั้น (Only @mentions) อยู่ ก็จะถือว่าเป็นการกล่าวถึงที่เรียกคุณด้วย

Discord Suppress everyone and here-Suppress Role mentions

ระงับทุกตำแหน่ง @mentions (Suppress Role @mentions)

สวิตช์ “ระงับทุกตำแหน่ง @mentions (Suppress Role @mentions)” มีผลกับการแท็กด้วย Role หรือบทบาทที่คุณถืออยู่ในเซิร์ฟเวอร์ เช่น @Member, @VIP, @Staff เป็นต้น

  • เมื่อเปิด ระงับทุกตำแหน่ง @mentions (Suppress Role @mentions = On): การแท็ก Role ที่คุณอยู่จะไม่สร้างการแจ้งเตือนอีกต่อไป คุณจะไม่ถูกเรียกด้วยการแท็กกลุ่มเหล่านี้
  • เมื่อปิด ระงับทุกตำแหน่ง @mentions (Suppress Role @mentions = Off): การแท็ก Role จะทำงานเหมือนการกล่าวถึงคุณชนิดหนึ่ง ถ้าคุณตั้งค่าระดับเซิร์ฟเวอร์เป็น @กล่าวถึง เท่านั้น (Only @mentions) การแท็ก Role ที่คุณอยู่ก็จะทำให้คุณถูกแจ้งเตือน
  • การตั้งค่านี้ไม่กระทบการแท็กชื่อคุณโดยตรง (@YourName) ซึ่งยังคงแจ้งเตือนตามปกติ

Suppress Highlights (Suppress Highlights)

แถวถัดมาคือ “Suppress Highlights” ซึ่งใช้ชื่อภาษาอังกฤษโดยตรง ในบริบทนี้หมายถึงการปิดฟังก์ชันไฮไลต์การสนทนาที่ Discord มองว่ามีความสำคัญสำหรับคุณ (Highlights) เช่น การสนทนาของเพื่อนที่คุณคุยบ่อย หรือข้อความที่เกี่ยวกับหัวข้อที่คุณเคยสนใจ

  • Suppress Highlights = On: ปิดการสร้างการแจ้งเตือนหรือสรุปสถานการณ์แบบไฮไลต์จากเซิร์ฟเวอร์นี้ ลดจำนวนการแจ้งเตือนพิเศษลง
  • Suppress Highlights = Off: อนุญาตให้ Discord แนะนำหรือแจ้งไฮไลต์บางอย่างที่เกี่ยวข้องกับคุณได้

ตัวเลือกนี้มีผลกับการแจ้งเตือนแบบ “ฉลาด” ของระบบเท่านั้น ไม่ได้ปิดข้อความปกติหรือการกล่าวถึงต่าง ๆ

Discord Suppress Highlights Mute New Events

ปิดเสียงเหตุการณ์ใหม่ (Mute New Events)

เมนู “ปิดเสียงเหตุการณ์ใหม่ (Mute New Events)” ใช้จัดการการแจ้งเตือนจากฟีเจอร์เหตุการณ์ (Events) ภายในเซิร์ฟเวอร์ เช่น การสร้างกิจกรรม เกม นัดหมาย หรืออีเวนต์อื่น ๆ

  • เมื่อเปิด ปิดเสียงเหตุการณ์ใหม่ (Mute New Events = On): คุณจะไม่ถูกแจ้งเตือนเมื่อมีการสร้างเหตุการณ์ใหม่ หรือมีอัปเดตเกี่ยวกับอีเวนต์ในเซิร์ฟเวอร์นี้
  • เมื่อปิด ปิดเสียงเหตุการณ์ใหม่ (Mute New Events = Off): เมื่อมี Event ใหม่ หรือมีการแก้ไขเวลา/รายละเอียดคุณจะเห็นการแจ้งเตือนตามรูปแบบที่ Discord กำหนด

การแจ้งเตือนทางมือถือ (Mobile Push Notifications)

Discord Mobile Push Notifications

หัวข้อ “การแจ้งเตือนทางมือถือ (Mobile Push Notifications)” ใช้กำหนดว่าการแจ้งเตือนจากเซิร์ฟเวอร์นี้จะถูกส่งไปยังโทรศัพท์มือถือของคุณหรือไม่ โดยอาจแสดงเป็นสวิตช์ให้เปิดหรือปิดได้

  • เปิด การแจ้งเตือนทางมือถือ (Mobile Push = On): เมื่อมีการแจ้งเตือนตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ เซิร์ฟเวอร์นี้จะส่งแจ้งเตือนไปยังมือถือของคุณด้วย เช่น การกล่าวถึงชื่อคุณ
  • ปิด การแจ้งเตือนทางมือถือ (Mobile Push = Off): เซิร์ฟเวอร์นี้อาจยังแจ้งเตือนบนเดสก์ท็อป แต่จะไม่ส่ง push notification ไปยังมือถือ ลดการรบกวนระหว่างใช้งานนอกบ้านหรือเวลาพัก

เลือกช่องหรือหมวดหมู่ (Select Channel or Category)

ส่วน “เลือกช่องหรือหมวดหมู่ (Select Channel or Category)” เป็นจุดที่ให้คุณตั้งค่าการแจ้งเตือนแบบละเอียดรายช่อง (Per-Channel) หรือรายหมวดหมู่ (Per-Category) ซึ่งจะ “ทับค่า” การตั้งค่าระดับเซิร์ฟเวอร์ด้านบน ทำให้คุณกำหนดได้ว่าในเซิร์ฟเวอร์เดียวกันนี้ ช่องไหนควรดัง ช่องไหนควรเงียบ

  • ช่องดรอปดาวน์ เลือกช่องหรือหมวดหมู่ (Select Channel or Category): ใช้ค้นหาและเลือกช่องข้อความ (Text Channel) หรือหมวดหมู่ (Category) ที่ต้องการปรับการแจ้งเตือนเป็นพิเศษ
  • เมื่อเลือกแล้ว ช่องหรือหมวดหมู่ที่เลือกจะไปแสดงในตารางด้านล่าง พร้อมตัวเลือกระดับช่อง

Discord Select Channel or Category

ช่องหรือหมวดหมู่ (Channel / Category)

คอลัมน์แรกของตารางคือ “ช่องหรือหมวดหมู่ (Channel / Category)” แสดงชื่อช่องหรือชื่อหมวดหมู่ที่คุณกำลังตั้งค่าการแจ้งเตือนเฉพาะ

Discord Select Channel or Category setting

ตัวเลือกแบบรายช่อง: ทั้งหมด (All Messages)

หากในตารางคุณเลือก “ทั้งหมด (All Messages)” ให้กับช่องใดช่องหนึ่ง ช่องนั้นจะส่งการแจ้งเตือนทุกครั้งที่มีข้อความใหม่ ไม่ว่าระดับเซิร์ฟเวอร์จะตั้งเป็นแบบใด กล่าวคือเป็นการบังคับให้ช่องนั้นเด้งทุกข้อความเหมือนตั้งค่า “ข้อความทั้งหมด (All Messages)” เฉพาะช่องนั้น

ตัวเลือกแบบรายช่อง: กล่าวถึง (Mentions)

หากเลือก “กล่าวถึง (Mentions)” สำหรับช่องนั้น ช่องดังกล่าวจะส่งการแจ้งเตือนเฉพาะเมื่อมีการกล่าวถึงเกี่ยวกับคุณ เช่น การแท็กชื่อคุณ การใช้ @everyone หรือการแท็ก Role ที่คุณอยู่ (ถ้าคุณไม่ได้เปิดระงับทุกตำแหน่ง @mentions) ทำให้ช่องนี้ทำงานคล้ายกับการตั้งค่า “@กล่าวถึง เท่านั้น (Only @mentions)” แต่มีผลเฉพาะช่องเดียว

ตัวเลือกแบบรายช่อง: ไม่มีอะไร (Nothing)

การเลือก “ไม่มีอะไร (Nothing)” ทำให้ช่องนั้นไม่ส่งการแจ้งเตือนเลย ไม่ว่าจะมีข้อความใหม่กี่ข้อความก็ตาม แม้ว่าระดับเซิร์ฟเวอร์จะตั้งเป็น “ข้อความทั้งหมด (All Messages)” หรือ “@กล่าวถึง เท่านั้น (Only @mentions)” ช่องนี้จะกลายเป็นโหมดเงียบ ต้องกดเข้าไปดูเองจึงจะเห็นข้อความ

ตัวเลือกแบบรายช่อง: ปิดเสียงไลน์ (Muted)

บางเวอร์ชันอาจแสดงตัวเลือกที่เทียบได้กับ “ปิดเสียงไลน์ (Muted)” ซึ่งหมายถึงการปิดทั้งเสียงและการแจ้งเตือนของช่องนั้นอย่างสมบูรณ์ รวมถึงอาจไม่แสดงตัวเลขจำนวนข้อความที่ยังไม่ได้อ่านสำหรับช่องนั้นด้วย ทำให้ช่องดังกล่าวไม่รบกวนคุณเลย จนกว่าจะเข้าไปดูเอง

หลักการทำงานร่วมกันของการตั้งค่าระดับเซิร์ฟเวอร์และระดับรายช่อง (How Global and Per-Channel Settings Interact)

เมื่อนำทุกเมนูมารวมกัน การทำงานของการแจ้งเตือนใน Discord จะมีลำดับคิดดังนี้

  • ระดับเซิร์ฟเวอร์ (Server Notification Settings): กำหนดรูปแบบหลัก เช่น ข้อความทั้งหมด (All Messages) หรือ @กล่าวถึง เท่านั้น (Only @mentions)
  • ตัวกรองการแท็ก (Suppress @everyone and @here / Suppress Role @mentions): ใช้ลดการแจ้งเตือนจากการแท็กกลุ่มใหญ่หรือ Role
  • ฟีเจอร์เสริม (Suppress Highlights, Mute New Events, Mobile Push Notifications): จัดการการแจ้งเตือนแบบพิเศษหรือข้ามอุปกรณ์
  • ระดับรายช่องหรือหมวดหมู่ (Per-Channel / Per-Category): ใช้ปรับค่าเฉพาะตัวให้ช่องที่สำคัญเด้งเยอะขึ้น หรือช่องที่รบกวนให้เงียบลง โดยจะทับค่าระดับเซิร์ฟเวอร์

หากคุณรู้สึกว่าเซิร์ฟเวอร์หนึ่ง “เสียงดังเกินไป” หรือ “เงียบเกินไป” สามารถเริ่มปรับจากระดับเซิร์ฟเวอร์ก่อน แล้วใช้ส่วน “เลือกช่องหรือหมวดหมู่ (Select Channel or Category)” ปรับช่องสำคัญให้แจ้งเตือน หรือปิดช่องที่ไม่ต้องการ เพื่อให้เข้ากับการใช้งานของคุณมากที่สุด

About modify 6552 Articles
สามารถนำบทความไปเผยแพร่ได้อย่างอิสระ โดยกล่าวถึงแหล่งที่มา เป็นลิงค์กลับมายังบทความนั้นๆ บทความอาจมีการพิมพ์ตกเรื่องภาษาไปบ้าง ต้องขออภัย พยามจะพิมพ์ผิดให้น้อยที่สุด (ทำเว็บคนเดียวไม่มีคนตรวจทาน) บทความที่สอนเรื่องต่างๆ กรุณาอ่านบทความให้เข้าใจก่อนโพสต์ถาม ติดตรงไหนสามารถถามได้ที่โพสต์นั้นๆ

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.