Qualcomm ออกรายงานพบช่องโหว่ระดับสูงและวิกฤติบนชิปเซ็ตเกิน 100 รุ่น แนะผู้ใช้เร่งอัปเดตแพตช์ความปลอดภัย

Qualcomm logo

Qualcomm พบช่องโหว่ความปลอดภัยร้ายแรง แนะเร่งอัปเดตแพตช์เพื่อป้องกันการโจมตี


Qualcomm Technologies, Inc. (QTI) ได้เผยแพร่รายงานด้านความปลอดภัยประจำเดือนตุลาคม 2024 โดยระบุพบช่องโหว่ความอันตรายระดับสูง (High) และระดับวิกฤติ (Critical) บนชิปเซ็ตในเครือมากกว่า 100 รุ่น ซึ่งรวมถึงโมเดม, โมดูล, ชิปเซ็ตสำหรับอุปกรณ์มือถือ, ยานยนต์, และอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) โดยช่องโหว่เหล่านี้อาจทำให้อุปกรณ์เสี่ยงต่อการโจมตีหากไม่รีบอัปเดตแพตช์ตามคำแนะนำ

หนึ่งในช่องโหว่สำคัญที่ถูกระบุคือ CVE-2024-33066 ซึ่งมีระดับความรุนแรง Critical ด้วยคะแนน CVSS 9.8 ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบข้อมูลนำเข้าที่ไม่ถูกต้องในระบบจัดการทรัพยากร WLAN ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียหายของหน่วยความจำ (Memory Corruption) และเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีจากระยะไกลทำการแทรกแซงการทำงานของอุปกรณ์ได้ ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์หลากหลายรุ่น เช่น Snapdragon X65 5G Modem-RF System, QCN5024, IPQ8070A, และอีกหลายรุ่นที่ถูกใช้งานในอุปกรณ์เครือข่ายและสมาร์ทโฟน

นอกจากนี้ ยังมีช่องโหว่ที่ถูกโจมตีในวงจำกัดแล้วอย่าง CVE-2024-43047 ซึ่ง Google Threat Analysis Group รายงานว่าเป็นช่องโหว่ที่เกี่ยวข้องกับ FASTRPC Driver ซึ่งได้รับการยืนยันว่ามีการใช้งานโจมตีจริงจาก Amnesty International Security Lab ช่องโหว่นี้มีระดับความรุนแรงสูง (CVSS 7.8) และส่งผลกระทบต่อชิปเซ็ตในกลุ่ม FastConnect และชิปเซ็ตตระกูล Snapdragon อีกหลายรุ่น

รายละเอียดช่องโหว่สำคัญ

  1. CVE-2024-33066 (Critical)
    • พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ: WLAN Resource Manager
    • คำอธิบาย: ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบข้อมูลนำเข้าไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดการเสียหายของหน่วยความจำขณะบันทึกไฟล์เข้าสู่ตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม
    • คะแนน CVSS: 9.8
    • อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ: IPQ8070A, IPQ8071A, IPQ5302, QCN5024, QCN5022, Snapdragon X65 และอีกหลายรุ่น
  2. CVE-2024-43047 (High)
    • พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ: DSP Service
    • คำอธิบาย: เกิดจากการใช้ทรัพยากรหน่วยความจำที่ถูกยกเลิกแล้ว (Use After Free) ส่งผลให้เกิดการเสียหายของหน่วยความจำในระหว่างการจัดการแผนที่หน่วยความจำ (Memory Maps) ของ HLOS
    • คะแนน CVSS: 7.8
    • อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ: FastConnect 6700, FastConnect 6900, Snapdragon 865 5G, Snapdragon 888 5G, และชิปรุ่นอื่น ๆ

คำแนะนำในการอัปเดตแพตช์

Qualcomm ได้ส่งแพตช์แก้ไขช่องโหว่เหล่านี้ไปยังผู้ผลิตอุปกรณ์แล้ว พร้อมแนะนำให้ผู้ผลิตทำการอัปเดตให้กับอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด ผู้ใช้ควรตรวจสอบกับผู้ผลิตอุปกรณ์เพื่อยืนยันสถานะการอัปเดตแพตช์ในอุปกรณ์ของตน

แม้ว่า Qualcomm จะส่งแพตช์แก้ไขช่องโหว่ให้กับผู้ผลิตแล้ว แต่ปัจจุบันมีช่องโหว่ที่ยังอยู่ในระหว่างการทดสอบและอาจต้องใช้เวลาในการปรับปรุงเพิ่มเติม ช่องโหว่เหล่านี้สามารถส่งผลกระทบได้ในหลายด้าน เช่น การโจมตีแบบ DoS (Denial of Service), การแทรกแซงข้อมูล, หรือการเข้าควบคุมระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

ตัวอย่างชิปเซ็ตที่ได้รับผลกระทบจากช่องโหว่ในรายงานของ Qualcomm ได้แก่

  • Snapdragon X65 5G Modem-RF System – ชิปโมเด็ม 5G ที่ใช้ในสมาร์ทโฟนระดับเรือธง
  • Snapdragon 888 5G Mobile Platform – ชิปประมวลผลที่พบในสมาร์ทโฟนรุ่นพรีเมียมหลายรุ่น
  • Snapdragon 870 5G Mobile Platform – ชิปยอดนิยมที่ใช้ในสมาร์ทโฟน 5G ระดับกลางถึงสูง
  • FastConnect 6900 – ชิปที่ใช้ในสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เครือข่ายที่รองรับ Wi-Fi 6E และ Bluetooth
  • Snapdragon 865 5G Mobile Platform – ชิปเซ็ตเรือธงที่เคยถูกใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปช่วงปี 2020
  • Snapdragon 8 Gen 1 Mobile Platform – ชิปประมวลผลสมาร์ทโฟนระดับสูงที่ใช้ในหลายรุ่นในช่วงปี 2022

นอกจากชิปเซ็ตที่ใช้ในสมาร์ทโฟนแล้ว ยังมีชิปอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมในอุปกรณ์ประเภทต่าง ๆ ซึ่งได้รับผลกระทบจากช่องโหว่นี้ด้วย ได้แก่

  • Snapdragon Auto 5G Modem-RF System – ชิปโมเด็มที่ใช้ในยานยนต์ เพื่อรองรับการเชื่อมต่อ 5G สำหรับการสื่อสารในรถยนต์ที่เป็นระบบอัจฉริยะ
  • FastConnect 7800 – ชิปที่รองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.3 ซึ่งนิยมใช้ในอุปกรณ์ IoT และเครือข่ายบ้านอัจฉริยะ
  • IPQ8074A – ชิปเซ็ตที่ใช้ในเราเตอร์และเกตเวย์เครือข่ายสำหรับ Wi-Fi 6 ซึ่งได้รับความนิยมในโซลูชั่นเครือข่ายภายในบ้านและสำนักงาน
  • QCA6391 – ชิปที่ใช้ในโน้ตบุ๊กและอุปกรณ์เครือข่ายเพื่อรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.1
  • QCN5124 – ชิปเซ็ตสำหรับอุปกรณ์เครือข่ายและ IoT รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 และใช้ในโซลูชันเครือข่ายแบบ MIMO

ชิปเหล่านี้เป็นตัวอย่างของชิปที่ใช้ในอุปกรณ์ที่หลากหลายมากกว่าสมาร์ทโฟน ซึ่งมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในยานยนต์ อุปกรณ์เครือข่าย และ IoT

ดูรายละเอียดชิปเซ็ตทั้งหมดได้ที่ ที่มาข่าว

ความสำคัญของช่องโหว่

ช่องโหว่ที่ถูกพบในครั้งนี้มีความอันตรายสูง เนื่องจากมีผลกระทบต่ออุปกรณ์หลายประเภท ตั้งแต่สมาร์ทโฟน, ยานยนต์, ไปจนถึงอุปกรณ์เครือข่าย หากไม่ทำการอัปเดตแพตช์ตามคำแนะนำ อุปกรณ์อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีและทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล หรือระบบล่มได้

ที่มา – Qualcomm

About modify 6386 Articles
สามารถนำบทความไปเผยแพร่ได้อย่างอิสระ โดยกล่าวถึงแหล่งที่มา เป็นลิงค์กลับมายังบทความนั้นๆ บทความอาจมีการพิมพ์ตกเรื่องภาษาไปบ้าง ต้องขออภัย พยามจะพิมพ์ผิดให้น้อยที่สุด (ทำเว็บคนเดียวไม่มีคนตรวจทาน) บทความที่สอนเรื่องต่างๆ กรุณาอ่านบทความให้เข้าใจก่อนโพสต์ถาม ติดตรงไหนสามารถถามได้ที่โพสต์นั้นๆ

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.