Apple แพ้คดีสิทธิบัตร Apple Watch ศาลสั่งจ่าย Masimo 634 ล้านดอลลาร์ คดีเทคโนโลยีวัดออกซิเจนในเลือด

Apple logo

มีรายงานว่าคณะลูกขุนศาลรัฐบาลกลางในแคลิฟอร์เนียตัดสินให้ Masimo ชนะคดีสิทธิบัตร pulse oximeter มูลค่า 634 ล้านดอลลาร์ โดยเห็นว่า Apple Watch เข้าข่ายอุปกรณ์ติดตามผู้ป่วย (patient monitor) ครอบคลุมยอดขายราว 43 ล้านเครื่อง ขณะข้อพิพาทเรื่องคำสั่งห้ามนำเข้า Apple Watch และคดีอื่นยังดำเนินอยู่


คณะลูกขุนของศาลรัฐบาลกลางในรัฐแคลิฟอร์เนียได้ตัดสินให้ Apple ต้องจ่ายค่าเสียหาย 634 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้บริษัทอุปกรณ์แพทย์ Masimo จากคดีละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยีวัดออกซิเจนในเลือด (pulse oximeter) ที่ใช้พลังงานต่ำบน Apple Watch โดยคำตัดสินครอบคลุมการขาย Apple Watch ประมาณ 43 ล้านเรือนที่มีฟีเจอร์ดังกล่าว

watchos-10-series-8-blood-oxygen-proper-fit-for-reading

สิทธิบัตรที่เป็นประเด็นในคดีนี้คือ หมายเลข 10,433,776 ซึ่งครอบคลุมเทคโนโลยี pulse oximeter แบบประหยัดพลังงาน แม้สิทธิบัตรจะหมดอายุไปตั้งแต่ปี 2022 แต่คดีนี้เป็นการเรียกค่าเสียหายย้อนหลังจากช่วงที่ยังมีผลบังคับใช้ โดยฝั่ง Apple เคยแย้งว่าค่าเสียหายควรถูกจำกัดอยู่ระหว่าง 3–6 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ขณะที่ Masimo เรียกร้องในช่วง 634–749 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่คณะลูกขุนจะตัดสินตามตัวเลขต่ำสุดในช่วงที่ Masimoร้องขอ คือ 634 ล้านดอลลาร์

ประเด็นสำคัญในชั้นศาลคือการตีความว่า Apple Watch เข้าข่ายเป็น “patient monitor” หรือไม่ ตามนิยามในสิทธิบัตรของ Masimo เนื่องจากสิทธิบัตรดังกล่าวอธิบายเทคโนโลยีสำหรับอุปกรณ์ติดตามผู้ป่วยที่ต้องไม่พลาดเหตุการณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญ Masimo ใช้ตัวอย่างฟีเจอร์แจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจสูง (high heart rate notification) เพื่อชี้ให้เห็นว่า Apple Watch ตรวจจับสัญญาณผิดปกติได้อย่างแม่นยำ มีความไวราว 95% จึงควรเข้าข่ายอุปกรณ์ติดตามผู้ป่วย

ด้าน Apple แย้งว่า Apple Watch ไม่ใช่อุปกรณ์เฝ้าติดตามผู้ป่วยต่อเนื่อง เนื่องจากฟีเจอร์แจ้งเตือนหัวใจเต้นเร็วทำงานเฉพาะเมื่อผู้ใช้ “อยู่นิ่งอย่างน้อย 10 นาที” เท่านั้น จึงไม่เข้ากลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต้องทำงานตลอดเวลา แต่สุดท้ายคณะลูกขุนมีมติว่า Apple Watch ถือเป็น patient monitor ในความหมายของสิทธิบัตรนี้ ทำให้เข้าข่ายละเมิดสิทธิบัตรด้านเทคโนโลยีเลือดและออกซิเจนของ Masimo

หลังคำตัดสิน Masimo ออกแถลงการณ์ระบุว่าผลคดีครั้งนี้เป็น “ชัยชนะที่สำคัญ” ในความพยายามปกป้องนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท พร้อมยืนยันว่าจะเดินหน้าปกป้องสิทธิด้าน IP ต่อไป ทางฝั่ง Apple ให้ข้อมูลกับ Reuters ว่า Masimo ได้ฟ้อง Apple ในหลายศาลและอ้างสิทธิบัตรมากกว่า 25 ฉบับ ซึ่ง Apple ระบุว่าส่วนใหญ่ถูกวินิจฉัยว่าไม่ถูกต้อง พร้อมชี้ว่าสิทธิบัตรที่เป็นประเด็นในคดีนี้เป็นเทคโนโลยีเก่าสำหรับอุปกรณ์ติดตามผู้ป่วย “จากหลายทศวรรษก่อน” และยืนยันว่า Apple จะยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน

ข้อพิพาทระหว่าง Apple และ Masimo มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เทคโนโลยี pulse oximetry ที่ใช้ออปติคัลเซนเซอร์ตรวจการไหลเวียนของเลือด Masimo กล่าวหาว่า Apple ไม่เพียงนำเทคโนโลยีของตนไปใช้ใน Apple Watch แต่ยังดึงตัวพนักงานระดับสูง รวมถึงอดีต Chief Medical Officer ของบริษัทไปทำงานกับ Apple ด้วย ความขัดแย้งนี้ปะทุขึ้นในเวทีอื่นด้วย เมื่อคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ (US International Trade Commission – ITC) เคยตัดสินให้ Masimo ชนะในปี 2023 และมีคำสั่งห้ามนำเข้า Apple Watch รุ่นที่มีฟีเจอร์วัดออกซิเจนในเลือด ส่งผลให้ Apple Watch รุ่นหลัง ๆ ในตลาดหลายประเทศไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ได้

ในเดือนสิงหาคมปีนี้ Apple ประกาศแนวทางใหม่ของฟีเจอร์วัดออกซิเจนเพื่อหลีกเลี่ยงคำสั่งห้ามนำเข้า โดยออกแบบให้ การคำนวณค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดถูกประมวลผลบน iPhone ที่เชื่อมต่อ แทนที่การประมวลผลบนตัวนาฬิกาโดยตรง ขณะที่ Apple Watch ทำหน้าที่เก็บข้อมูลดิบจากเซนเซอร์เป็นหลัก แนวทางนี้ทำให้ตั้งคำถามใหม่ว่าคำสั่งห้ามนำเข้าของ ITC ยังครอบคลุมถึงวิธีการใหม่หรือไม่ และกลายเป็นอีกประเด็นที่ Masimo นำไปฟ้องหน่วยงานศุลกากรและป้องกันการนำเข้า Apple Watch ชุดใหม่

ในอีกด้านหนึ่ง Apple ก็ไม่ได้อยู่ในบทบาทจำเลยเพียงอย่างเดียว บริษัทได้ฟ้องโต้กลับ Masimo ในคดีละเมิดดีไซน์สิทธิบัตรของ Apple ซึ่งคณะลูกขุนตัดสินให้ Apple ชนะ แต่กำหนดค่าเสียหายเพียง 250 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจำนวนชดเชยขั้นต่ำตามกฎหมาย สะท้อนว่าคดีนี้มีน้ำหนักเชิงสัญลักษณ์มากกว่าผลกระทบทางการเงิน

อย่างไรก็ดี คำตัดสินให้จ่าย 634 ล้านดอลลาร์ในคดีสิทธิบัตร pulse oximeter ครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุดขั้นตอนทางกฎหมาย เนื่องจาก Apple ยืนยันจะอุทธรณ์ ส่งผลให้ คดีสิทธิบัตรและคำสั่งห้ามนำเข้าเกี่ยวกับฟีเจอร์วัดออกซิเจนบน Apple Watch ระหว่าง Apple และ Masimo ยังคงเป็นหนึ่งในข้อพิพาทด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมอุปกรณ์สวมใส่ในปัจจุบัน

ที่มา – TechCrunch, 9to5Mac

About modify 6389 Articles
สามารถนำบทความไปเผยแพร่ได้อย่างอิสระ โดยกล่าวถึงแหล่งที่มา เป็นลิงค์กลับมายังบทความนั้นๆ บทความอาจมีการพิมพ์ตกเรื่องภาษาไปบ้าง ต้องขออภัย พยามจะพิมพ์ผิดให้น้อยที่สุด (ทำเว็บคนเดียวไม่มีคนตรวจทาน) บทความที่สอนเรื่องต่างๆ กรุณาอ่านบทความให้เข้าใจก่อนโพสต์ถาม ติดตรงไหนสามารถถามได้ที่โพสต์นั้นๆ

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.