ในยุคที่ต่างคนก็ใช้สมาร์ทโฟน อินเทอร์เน็ตจึงเข้ามามีสำคัญมากขึ้น แน่นอนว่าการเลือกใช้แพ็คเกจอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการค่ายอื่นๆ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยปกติแล้วแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตจะให้ความเร็วสูงสุด แบบมีขีดจำกัดแล้วจากนั้นก็จะติด FUP ที่ความเร็วระดับหนึ่ง (ช้าแต่พอจะเปิดเน็ตได้) นั้นจึงเป็นคำถามว่า FUP คืออะไร
ก่อนเราจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับ FUP เรามาลองดูตัวอย่างแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตเสียก่อน
ผมขอยกตัวอย่างโปรดีแทคให้ดูก่อนคือ เดือนละ 499 บาท เราจะสามารถเล่นเน็ตที่ความเร็วสูงสุึดได้ 10GB หมายความว่า หากพื้นที่ให้บริการนั้นๆ สามารถรับสัญญาร 3G หรือ 4G LTE ได้เท่าไหร่ ความเร็วของเน็ตจะได้เต็มสปีด แต่! การรับส่งข้อมูลจำกัดไว้คือ 10GB อาทิเช่น หากเราเปิดดูวีดีโอ ที่มีขนาดความใหญ่ 1GB จะสามารถดูได้ 10 เรื่อง (ต้องเป็นวีดีโอระดับภาพยนตร์) หากดูจนครบ 10 เรื่อง นั้นหมายความว่าความเร็วสูงสุดของเราจะหมดลง ความเร็วจะตกมาอยู่ระดับที่พอเปิดเน็ตได้ นั้นแหละที่เรียกว่า FUP (Fair Usage Policy)
ทำไมต้องมี FUP (Fair Usage Policy) ?
ทำไมไม่เปิดให้ใช้กันให้สะใจกันไปเลย? จริงๆแล้วเครือข่ายหรือสัญญาณที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย (ที่มีข่าวประมูล) มีข้อจำกัดหลายอย่าง อธิบายง่ายๆว่ามันไม่สามารถปล่อยให้คนใช้กันแบบอันลิมิตได้ เพราะหากทุกคนใช้เน็ตกันแบบไม่มีลิมิต จะทำให้ระบบอินเทอร์เน็ตล้มได้ นั้นจึงจำเป็นต้องมีขีดจำกัดเอาไว้ เพื่อให้ระบบเสถียรของระบบ
แต่ก็เกิดการถกเถียงเรื่องความพอดีของ FUP ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัวเลขของ data transfer ที่ให้มาหรือ FUP ที่ให้มาน้อยเกิดไป ติด FUP ส่วนใหญ่จะวิ่งที่ 64k , 128k หรือ 384Kbps นั้นจึงเป็นที่มาของคำว่า FUP และพูดกันบ่อย เพราะหากใครใช้เน็ตเกินกำหนดแล้ว คุณจะเจอกับความช้าระดับ FUP นั้นเอง…
