พื้นที่เก็บข้อมูลแฟลชไดร์ฟ ไม่ตรงกับที่โฆษณา ทั้งที่ซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือได้ เกิดจากอะไร
เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยกันมากทุกช่วงทุกสมัยเกี่ยวกับเรื่องความจุของ Flash Drive, HDD หรือ SSD ที่มีการระบุที่ตัวสินค้าแต่เวลานำมาเปิดใช้งานที่คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่างๆ แล้วได้ความจุไม่เต็ม เหมือนที่โฆษณาหรือระบุไว้ในผลิตภัณฑ์ คำถามคือเกิดอะไรขึ้นผู้ผลิตโฆษณาเกินจริงหรือมีความผิดพลาดอะไร บทความนี้จะมาอธิบายเกี่ยวกับความจุของที่เก็บข้อมูลที่แสดงและต่างกัน

แฟลชไดร์ฟที่ซื้อมาแล้วความจุไม่เต็มตามที่โฆษณาไว้ อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น
- ความแตกต่างของระบบการคำนวณ: ผู้ผลิตแฟลชไดร์ฟมักคำนวณความจุในหน่วย เมกะไบต์ (MB) และกิกะไบต์ (GB) โดยถือว่า 1 GB = 1,000 MB แต่ระบบปฏิบัติการในคอมพิวเตอร์ (เช่น Windows) คำนวณว่า 1 GB = 1,024 MB จึงทำให้เห็นความจุที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น แฟลชไดร์ฟที่โฆษณา 32 GB อาจแสดงในคอมฯ เป็นประมาณ 29.8 GB
- พื้นที่ที่ระบบแฟลชไดร์ฟใช้เอง: แฟลชไดร์ฟบางรุ่นจะใช้พื้นที่บางส่วนสำหรับจัดการข้อมูลและระบบไฟล์ ทำให้พื้นที่ที่ผู้ใช้สามารถใช้งานได้จริงน้อยลง
- รูปแบบไฟล์ระบบ (File System): การฟอร์แมตแฟลชไดร์ฟในรูปแบบระบบไฟล์ต่าง ๆ เช่น FAT32, exFAT หรือ NTFS ก็อาจทำให้เกิดความแตกต่างในพื้นที่ใช้งานจริง
หลัก ๆ แล้วสาเหตุที่เห็นความจุไม่เต็มตามที่โฆษณาไว้ มักจะเป็นเพราะ การคำนวณหน่วยความจุที่แตกต่างกัน ระหว่างผู้ผลิตและระบบปฏิบัติการเป็นส่วนใหญ่
- ผู้ผลิต คำนวณว่า 1 GB = 1,000 MB (Decimal System หรือ ระบบเลขฐานสิบ)
- ระบบปฏิบัติการ เช่น Windows, macOS คำนวณว่า 1 GB = 1,024 MB (Binary System หรือ ระบบเลขฐานสอง)
ดังนั้น แฟลชไดร์ฟที่โฆษณาว่ามีขนาด 16 GB อาจแสดงในระบบปฏิบัติการเป็นประมาณ 14.9 GB ขึ้นอยู่กับการคำนวณหน่วยไบนารี
Binary System หรือในภาษาไทยคือ ระบบเลขฐานสอง เป็นระบบการนับที่ใช้ตัวเลขเพียงสองตัวคือ 0 และ 1 ซึ่งเป็นพื้นฐานของการทำงานในคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ดิจิทัลทั้งหมด เนื่องจากคอมพิวเตอร์ใช้วงจรไฟฟ้าที่มีแค่สองสถานะคือ เปิด (1) และ ปิด (0) ในการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูล
หลักการของ Decimal System (ระบบเลขฐานสิบ)
Decimal System หรือ ระบบเลขฐานสิบ เป็นระบบเลขที่เราใช้กันทั่วไปในชีวิตประจำวัน โดยใช้ตัวเลข 10 ตัว (0-9) ในการนับและคำนวณ หลักการพื้นฐานของระบบนี้คือ ทุกหลักในตัวเลขจะเพิ่มค่าขึ้นเป็นกำลังของ 10 จากตำแหน่งที่อยู่ เช่น:
- หลักหน่วย: 100=110^0 = 1
- หลักสิบ: 101=1010^1 = 10
- หลักร้อย: 102=10010^2 = 100
- หลักพัน: 103=1,00010^3 = 1,000
คุณสมบัติหลักของ Decimal System
- ใช้ฐาน 10: หมายความว่าเมื่อเรานับถึง 9 แล้ว ตัวถัดไปจะเป็น 10 (การเริ่มต้นใหม่ด้วยการเพิ่มหลัก)
- ค่าของตำแหน่งขึ้นอยู่กับกำลังของ 10: ทุกตำแหน่งในตัวเลขจะมีค่าเพิ่มขึ้นตามกำลังของ 10
- การใช้งานในชีวิตประจำวัน: เราใช้ระบบเลขฐานสิบในการคำนวณทั่วไป เนื่องจากมันเข้ากับระบบการนับที่ใช้ตัวเลข 0-9 ซึ่งเป็นระบบที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย
ระบบนี้เป็นระบบมาตรฐานที่ใช้ในธุรกิจ การเงิน และการสื่อสาร เพราะเข้าใจง่ายและคำนวณได้สะดวก
หลักการของ Binary System (ระบบเลขฐานสอง)
- ระบบเลขฐานสองใช้ตัวเลขสองตัวนี้ในการแสดงค่าต่าง ๆ โดยใช้วิธีการเหมือนกับการนับในระบบฐานสิบที่เราใช้ทั่วไป เพียงแต่ฐานสองจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ กำลังสอง เช่น
- เลข 1 ในระบบฐานสอง = 1
- เลข 10 ในฐานสอง = 2 ในระบบฐานสิบ (1 × 2^1 + 0 × 2^0)
- เลข 100 ในฐานสอง = 4 ในระบบฐานสิบ (1 × 2^2 + 0 × 2^1 + 0 × 2^0)
- และต่อไปเรื่อย ๆ
ตัวอย่างการนำไปใช้ในคอมพิวเตอร์:
- ข้อมูลพื้นฐานในคอมพิวเตอร์เก็บเป็น Bit: หน่วยข้อมูลที่เล็กที่สุดในคอมพิวเตอร์คือ บิต (bit) ซึ่งเก็บค่าได้เพียง 0 หรือ 1 หนึ่งบิตจึงเป็นหน่วยการเก็บข้อมูลพื้นฐานในคอมพิวเตอร์
- หลายบิตรวมกันเป็น Byte: เมื่อเอาบิตหลายตัวมารวมกันจะกลายเป็น ไบต์ (byte) ซึ่ง 1 ไบต์มี 8 บิต เช่น ค่าในไบต์เดียวอาจเป็น “01101010” โดยสามารถเก็บข้อมูลได้ตั้งแต่ 0 ถึง 255 (2^8)
การนำไปใช้ในหน่วยความจำ
เนื่องจากคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ดิจิทัลใช้ระบบเลขฐานสอง (Binary System) ในการจัดการข้อมูลและที่เก็บข้อมูล ทำให้การคำนวณหน่วยความจุเกิดขึ้นตามกำลังสอง เช่น:
- 1 KB (กิโลไบต์) = 1,024 bytes (2^10)
- 1 MB (เมกะไบต์) = 1,024 KB
- 1 GB (กิกะไบต์) = 1,024 MB
นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเมื่อผู้ผลิตแฟลชไดร์ฟโฆษณาความจุในระบบฐานสิบ (Decimal System) แต่คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบฐานสอง (Binary System) แสดงค่าที่แตกต่างกัน
แฟลชไดร์ฟที่โฆษณาว่ามีขนาด 16 GB อาจแสดงในระบบปฏิบัติการเป็นประมาณ 14.9 GB แต่ทำไมบางครั้งเหลือ 14.6 หายไปไหนอีกเล็กน้อย
หากคำนวนตามหลักการที่ต่างกันระหว่าง ระบบฐานสิบและระบบฐานสองดังที่ได้อธิบายไปแล้วแฟรชไดร์ฟ 16GB น่าจะเหลือประมาณ 14.7 แต่ถ้าคุณเห็นความจุแฟลชไดร์ฟเป็น 14.6 GB อาจมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลด้วย เช่น
- พื้นที่สำหรับระบบไฟล์ (File System Overhead): ระบบไฟล์ที่ใช้ในแฟลชไดร์ฟ เช่น FAT32, exFAT หรือ NTFS มักจะใช้พื้นที่บางส่วนในการจัดการโครงสร้างไฟล์และข้อมูล ทำให้พื้นที่ใช้งานจริงลดลงไปบ้าง
- พื้นที่สำรองสำหรับจัดการบล็อกข้อมูลเสียหาย: แฟลชไดร์ฟบางรุ่นอาจสงวนพื้นที่เล็กน้อยสำหรับจัดการข้อมูลที่เสียหายหรือจัดเก็บข้อมูลสำรอง
- การฟอร์แมต: หากแฟลชไดร์ฟถูกฟอร์แมตใหม่ บางครั้งก็อาจสูญเสียพื้นที่บางส่วนไปในกระบวนการนี้
ดังนั้น การที่คุณเห็น 14.6 GB ถือว่าปกติ เนื่องจากนอกจากการคำนวณที่ต่างกันแล้ว ยังมีปัจจัยเรื่องระบบไฟล์และพื้นที่สำรองที่ทำให้พื้นที่ใช้งานจริงลดลง
ทั้งหมดนี้น่าจะช่วยอธิบายได้ว่าทำไมแฟรชไดร์ฟหรือที่เก็บข้อมูลที่เราซื้อมาไม่ตรงกับที่ระบุอุปกรณ์ เมื่อเปิดใช้งานในคอมพิวเตอร์ น่าจะทำให้หลายคนหายข้องใจได้บ้าง
Leave a Reply