
โครงการ Cascade Advanced Energy Facility จับมือ Energy Northwest และ X-energy สร้างพลังงานคาร์บอนต่ำป้อน AWS และระบบ AI ตั้งเป้าเดินเครื่องช่วงทศวรรษ 2030
Amazon ประกาศแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยุคใหม่ขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ภายใต้ชื่อโครงการ Cascade Advanced Energy Facility ซึ่งใช้เทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบโมดูลาร์ (SMR: Small Modular Reactor) รุ่น Xe-100 จากบริษัท X-energy เพื่อผลิตไฟฟ้าคาร์บอนต่ำให้กับโครงสร้างพื้นฐานของบริษัท โดยเฉพาะระบบ AWS และคลัสเตอร์ AI ที่ต้องการพลังงานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โครงการนี้ตั้งอยู่ใกล้เมือง ริชแลนด์ (Richland) รัฐวอชิงตัน ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงไฟฟ้า Columbia Generating Station และจะพัฒนาร่วมกับบริษัทสาธารณูปโภค Energy Northwest โดยตั้งเป้าเริ่มการก่อสร้างภายในสิ้นทศวรรษนี้ และเริ่มผลิตไฟฟ้าได้ในช่วง ทศวรรษ 2030 ทั้งนี้ โครงการยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและรอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านพลังงานของสหรัฐฯ
เทคโนโลยี SMR รุ่น Xe-100 กำลังสูงสุด 960 เมกะวัตต์
โรงไฟฟ้า Cascade จะใช้เครื่องปฏิกรณ์ Xe-100 ซึ่งแต่ละเครื่องให้กำลังผลิตไฟฟ้า 80 เมกะวัตต์ ระยะแรกจะติดตั้ง 4 เครื่อง รวมกำลังผลิต 320 เมกะวัตต์ และมีแผนขยายสูงสุดถึง 12 เครื่อง เพื่อให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 960 เมกะวัตต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับรองรับศูนย์ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับอุตสาหกรรม
ข้อได้เปรียบของเทคโนโลยี SMR คือสามารถสร้างได้รวดเร็วกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่แบบดั้งเดิม และใช้พื้นที่น้อยกว่าอย่างมาก อีกทั้งยังสามารถกระจายการผลิตพลังงานได้หลายจุด ซึ่งเหมาะสมกับโครงข่ายไฟฟ้ายุคใหม่ที่ต้องรองรับโหลดจากศูนย์ข้อมูลและ AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
สร้างงานท้องถิ่นและพัฒนาทักษะบุคลากร
Amazon คาดว่าโครงการนี้จะสร้างผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะสร้างงานมากกว่า 1,000 ตำแหน่ง ในช่วงก่อสร้าง และมากกว่า 100 ตำแหน่งถาวร ในด้านวิศวกรรม การปฏิบัติการนิวเคลียร์ และงานด้านความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีแผนจัดตั้ง ศูนย์จำลองการควบคุม (Simulator Center) ที่วิทยาลัยในท้องถิ่น เพื่อฝึกอบรมบุคลากรและเตรียมความพร้อมด้านทักษะที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมพลังงานรุ่นใหม่
ส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์พลังงานสะอาดเพื่ออนาคต
โครงการ Cascade ถือเป็นก้าวสำคัญในกลยุทธ์ด้านพลังงานของ Amazon ที่ต้องการเพิ่มแหล่งพลังงาน คาร์บอนต่ำ (low-carbon) และ ไม่มีคาร์บอน (carbon-free) ให้กับระบบปฏิบัติการทั่วโลก ก่อนหน้านี้ Amazon ได้ลงทุนใน X-energy ผ่านกองทุน Climate Pledge Fund และได้ซื้อพื้นที่ศูนย์ข้อมูลใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในรัฐเพนซิลเวเนีย แต่โครงการ Cascade เป็นครั้งแรกที่บริษัทประกาศ “สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหม่ด้วยตัวเอง” อย่างเป็นทางการ
โครงการนี้ยังเป็นจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมพลังงานในยุค AI เนื่องจากความต้องการไฟฟ้าของศูนย์ข้อมูลทั่วสหรัฐฯ คาดว่าจะ เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปี 2030 และอาจคิดเป็น 9% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศภายในปี 2035 ซึ่งการลงทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า Amazon กำลังวางเดิมพันว่า หากต้องการพลังงานสะอาดที่เพียงพอในอนาคต บริษัทอาจต้อง “สร้างโครงข่ายไฟฟ้าของตัวเอง”
ทิศทางใหม่ของพลังงานในยุค AI
การก่อสร้างโรงไฟฟ้า SMR ของ Amazon เป็นมากกว่าโครงการด้านพลังงาน แต่ยังสะท้อนถึงแนวโน้มใหม่ที่เทคโนโลยี AI และคลาวด์จะกลายเป็นผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทเทคโนโลยีที่ต้องการความมั่นคงและความยั่งยืนทางพลังงานอาจต้องเปลี่ยนจาก “ผู้ซื้อไฟฟ้า” เป็น “ผู้ผลิตไฟฟ้า” ด้วยตนเอง ซึ่ง Amazon ถือเป็นบริษัทแรก ๆ ที่เดินหน้าในเส้นทางนี้
หากโครงการ Cascade ประสบความสำเร็จ มันจะไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชิงพาณิชย์ที่ทันสมัยที่สุดของสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังอาจเป็นโมเดลต้นแบบให้กับบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ที่ต้องการเตรียมความพร้อมสำหรับยุคที่ AI และข้อมูลคือหัวใจของเศรษฐกิจโลก
ที่มา – aboutamazon.com
Leave a Reply