การเลือกตั้งแบบ ระบบจัดสรรปันส่วนผสม’ (Mixed Member Apportionment System: MMA
วันที่ 24 มีนาคม 2560 จะเป็นการเลือกตั้งครั้งใหม่ และเป็นการเลือกตั้งแบบใหม่ตาม รัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดให้การเลือกตั้งแบบใหม่ที่เรียกว่า ระบบจัดสรรปันส่วนผสม (Mixed Member Apportionment System: MMA) แล้วระบบใหม่มีอะไร และต้องทำอย่างไรบ้าง วันนี้ผมจะมาอธิบายแบบง่ายๆเอาที่คัญๆ อธิบายให้สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ควรต้องรู้กันครับ
จำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส.
จำนวน ส.ส. ของประเทศจะมีทั้งหมด 500 คน ที่แบ่งออกเป็น
- แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน ส.ส แบบแบ่งเขต 350 เสียง ที่มาจากการเลือกบุคลในเขตนั้นๆ
- แบบบัญชีรายชื่อ จำนวน ส.ส แบบรายชื่อ 150 เสียง จะมาจากการที่คุณเลือกบุคลในเขต ก็จะเป็นการเลือกพรรคที่ผู้สมัคร ส.ส. ที่คุณเลือก (ปกติคุณต้องเลือก 2 ใบ บุคลและพรรค แต่การเลือกตั้งแบบใหม่ คุณเพียงเลือกบุคลหรือ ส.ส.แบ่งเขต ก็เท่ากับเลือกพรรคไปด้วย ส่วนคะแนนที่เลือกพรรคไปด้วยจะถูกนำไปใช้ โดยสูตรคำนวนแบบใหม่ ไว้เดียวอธิบายช่วงท้ายๆ)
เราจะเลือกตั้งแบบไหน วิธีเลือกตั้ง 2562
สำหรับผู้เลือกตั้งแบบเราๆ การเลือกตั้งก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก แค่กากเครื่องหมาย กากบาท X ลงตรงหมายเลขผู้สมัคร ส.ส ของเขตที่คุณเลือก แต่! มีสิ่งที่ควรรู้ดังต่อไปนี้
- หมายเลขของ ส.ส ในพรรค แต่ละเขตจะไม่ตรงกัน หรือพูดง่ายๆ พรรคเดียวกัน ต่างเขต คนละเบอร์ ไม่มีเบอร์พรรคที่แน่นอน ต้องดูให้ดี ในแต่ละพื้นที่ เช่น
– พรรคกอไก่ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายดำ เบอร์ 599
– พรรคกอไก่ เขตตเลือกตั้งที่ 2 นายแดง เบอร์ 755 - การกากบาท ต้องกา X เพียง 1 หมายเลขเท่านั้น ไม่ต้องไปเลือกตัวบุคลและพรรคแบบเก่า เลือกพรรคก็จะไปเลือกตัวบุคลในเขตของเรา และคะแนนก็จะไปนับรวมทั่วประเทศของพรรคนั้นๆ ไว้ใช้คำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อ
- หากคุณไม่ประสงค์จะเลือก ส.ส. ผู้ใดเลยในบัตรเลือกตั้ง ให้ กากบาท X บริเวณด้านล่างขวามือ
- ข้อ 1 สำคัญมาก!!
ที่มาของ ส.ส.
อย่างที่บอกครับว่า ส.ส. มีแบ่งเป็น 2 แบบคือ เขตเลือกตั้ง และบัญชีรายชื่อ ซึ่งแบ่งสัดส่วน 350:150 รวมเป็น 500 ตามที่อธิบายไปแต่ตอนต้น ในส่วนของ ส.ส. แบบแบ่งเขตที่จะได้ 350 หลายคนน่าจะเข้าใจที่มาอยู่แล้ว เพราะไม่มีการคำนวนอะไรที่ซับซ้อน แต่การคำนวน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อคำนวนอย่างไร มาดูกัน
ส.ส. เขตเลือกตั้ง
ได้จากการเลือกตั้งตามเขตต่างๆ จำนวน 350 คน
ส.ส. บัญชีรายชื่อ
การคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ อาจค่อยข้างยุ่งยากและอธิบายยากหน่อย โดยมีขั้นตอนการคำนวณดังต่อไปนี้
- นำคะแนนผู้ที่มาใช้สิทธิทั้งหมดทั่วประเทศไทย ลบด้วย No Vote และบัตรเสียง หาร ด้วย 500 (จำนวน ส.ส ทั้งหมด) จะได้คะแนนที่เรียกว่า “คะแนนโดนประมาณ ต่อ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 1 คน” ยกตัวอย่างเช่น คนออกมาใช้สิทธิทั้งหมด หักใบเสียโนโหวตแล้วได้ 35 ล้าน ก็เท่ากับ 35,000,000 % 500 = 70,000 คือคะแนนโดยประมาณ 1 ส.ส บัญชีรายชื่อ ให้จำนวน 70,000 นี้ไว้ให้ดี
- นำคะแนนทั้งหมดของพรรคนั้นๆ จากการเลือกตั้งตามเขตตัวประเทศ (ตรงไหนงงไหม คะแนนนี้ก็คือคะแนนที่คุณเลือกพรรคในเขตและไปเลือกตัวบุคล คะแนนจะถูกรวมเป็นทั้งประเทศของพรรคนั้นๆ) มา หาร 70,000 จากข้อ 1 จะได้ ส.ส. พึงจะมีของพรรคนั้นๆ
- หากจำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขต น้อยกว่าจำนวน ส.ส. พึงจะมี ให้เติมให้ครบ โดยเอาจากบัญชีรายชื่อ
- หากจำนวน ส.ส. แบบแบ่งเขต มีมากกว่า คำนวน ส.ส. พึงจะมี ไม่ต้องเติม เท่ากับว่าคนที่ลงบัญชีรายชื่อจะไม่ได้เป็น ส.ส. เลยแม้แต่คนเดียว
ตัวอย่างที่ 1 การคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ
- สมมัติว่า “พรรคกอไก่” เป็นพรรคขนาดกลาง
- ได้ ส.ส. แบบแบ่งเขตมา 30 คน
- คะแนนจากการเลือก ส.ส. ในพรรคกอไก่ รวมกันทั้งประเทศได้ 3,640,000 คะแนน
- มีคนมาเลือกตั้ง 35,000,000 % 500 = 70,000 ตามที่ได้อธิบายไปแล้ว
- นำ 3640000 % 70000 จะได้ 52 เป็นตัวเลข ส.ส. พึงจะมี
- เท่ากับว่า พรรคกอไก่ มี ส.ส ได้ 52 คน มาจากเลือกแบ่งเขตแล้ว 30 คน ขาดอีก 22 คน
- 22 คนที่ขาด ก็จะไปเอาจากบัญชีรายชื่อมาใส่ให้ครบ คนที่ลงบัญชีรายชื่อ 1-22 ก็ได้จะเป็น ส.ส.
หมายเหตุ: ในความเป็นจริงแล้ว คะแนน รวมกันทั้งประเทศที่ว่า อาจจะไม่สูง หากการเลือกตั้งแต่ละเขตไม่คู่คี่กัน พรรคขนาดกลางก็อาจจะมี ส.ส. เพิ่งมี น้อยกว่าตัวอย่างก็เป็นไปได้
ตัวอย่างที่ 2 การคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ
- สมมัติว่า “พรรคขอไข่” เป็นพรรคขาดใหญ่
- ได้ ส.ส. แบบแบ่งเขตมา 180 คน
- คะแนนจากการเลือก ส.ส. ในพรรคขอไข่ รวมกันทั้งประเทศได้ 12,300,000 คะแนน
- มีคนมาเลือกตั้ง 35,000,000 % 500 = 70,000 ตามที่ได้อธิบายไปแล้ว
- นำ 12,300,000 % 70000 จะได้ 175.7 เป็นตัวเลข ส.ส. พึงจะมี
- เท่ากับว่า พรรคขอไข่ มี ส.ส. ได้ 175.7 คน
- แต่ได้แบบแบ่งเขตมาแล้ว 180 คน เกินกว่า ส.ส. ที่พึ่งจะมีได้ ก็จะไม่ได้เพิ่ม ส.ส. จากบัญชีรายชื่อเลย คนที่ลงบัญชีรายชื่อก็จะไม่ได้เป็น ส.ส. เลย
หมายเหตุ : ตัวอย่างที่ยกมา ไม่ใช้ว่าพรรคใหญ่จะไม่ได้บัญชีรายชื่อเลย หากตัวเลขของ คะแนนรวมกันทั้งประเทศสูงก็จะหารได้จำนวน ส.ส. พึงมีมากขึ้น
ก็อย่างตัวอย่างที่ผมยกมาให้ดูทั้ง 2 ตัวอย่าง ที่ผมต้องยกตัวอย่างแบบด้านบน เพื่อแสดงให้เห็นว่า หากคะแนนเลือกรวมทั้งประเทศของพรรค มีมาก พรรคนั้นๆก็จะได้ ส.ส. เพิ่มเข้ามาจากบัญชีรายชื่อ แต่หากคะแนนโดยรวมทั้งประเทศน้อย ก็จะไม่ได้ ส.ส. เลยจากบัญชีรายชื่อ
ที่มาของ นายกรัฐมนตรี
- ต้องมีเสียงจากการสนับสนุน ส.ส และ ส.ว รวมกัน 376 เสียงขึ้นไป
- ส.ส. มี 500 เสียงจากจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังที่กล่าวเอาไว้แล้ว
- ส.ว. มี 250 เสียงจากจำนวนสมาชิกวุฒิสภา
- นายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส แต่ต้องให้พรคคการเมืองนั้นๆแจ้งรายชื่อก่อนการเลือกตั้ง ต่อ กกต.
Leave a Reply